เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา กรุงปักกิ่งกับเมืองฮุ่ยโจวในมณฑลกว่างตง และเมืองดัลลัสของประเทศสหรัฐฯ ได้จัดพิธีตัดริบบิ้น “เปิดโครงการใหม่” ร่วมกันแบบทางไกลผ่านจอภาพ ซึ่งนับเป็นการเริ่มงานก่อสร้างโครงการเอทิลีนที่มีมูลค่าสูงประมาณ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ที่เมืองฮุ่ยโจว มณฑลกว่างตงของจีน โดยมีบริษัทเอ็กซอนโมบิล(ExxonMobil)เป็นผู้ลงทุน ซึ่งนับตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมการจนถึงผ่านการอนุมัติและเริ่มลงมืออย่างเป็นทางการ ใช้เวลาทั้งหมดเพียง 18 เดือนเท่านั้น

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในทั่วโลก จนทำให้อุปสงค์และอุปทานขาดความสมคุลเป็นอย่างมาก บริษัทเอ็กซอนโมบิลกลับยังลงทุนจำนวนมหาศาลในประเทศจีน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บริษัทปิโตรเคมียักษ์ใหญ่ระดับโลกแห่งนี้ มีความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่และคาดหวังยิ่งต่อการตลาดจีน

ความเชื่อมั่นและคาดหวังต่อประเทศจีนนี้ มาจาก “พลังสายแข็ง (Hard Power)” ของจีน อันประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานที่สมบูรณ์และการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีแรงเสริมจาก “พลังสายอ่อน(soft power)” ของจีน ที่มาจากการขยายการเปิดประเทศสู่ภายนอก และการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการประกอบธุรกิจให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้ นายดาร์เรน วูดส์(Darren Woods) ประธานบริษัทเอ็กซอนโมบิลกล่าวในที่พิธีเปิดโครงการลงทุนในจีนครั้งนี้ว่า นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานที่สมบูรณ์แบบแล้ว กฎหมายและกฎข้อบังคับใหม่ก็ได้ช่วยยกระดับกำลังแข่งขันของเศรษฐกิจจีนให้สูงขึ้นด้วย

ระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนและประชาชนจีนจำนวน 1,400 ล้านคน ดำเนินมาตรการที่ทรงประสิทธิภาพและมีความสามัคคียิ่ง สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศได้อย่างดี จีนในฐานะเป็น “โรงงานผลิตของโลก” แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นสูงทางเศรษฐกิจ จึงยังคงรักษาความเชื่อมั่นของทุนต่างชาติมาลงทุนในประเทศจีนต่อไป

เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา หอการค้าจีนในสหรัฐฯ ร่วมกับหอการค้าสหรัฐฯนครเซี่ยงไฮ้และบริษัทพีดับบลิวซี(ประเทศจีน) ประกาศรายงานผลการทำสำรวจว่า ในบรรดาบริษัทสหรัฐฯที่ทำธุรกิจในจีนนั้น มีกว่า 70% ประกาศว่า จะไม่ย้ายฐานการผลิต การจัดหาหรือการจัดซื้อของตนไปยังต่างประเทศ เนื่องเพราะผลกระทบจากโรคระบาด

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์จากบริษัทเจพีมอร์แกนเชส（JPMorgan Chase）คาดการณ์ว่า จีนจะเป็นประเทศแรกๆ ที่ก้าวพ้นจากสภาพการพัฒนาเศรษฐกิจชะลอตัวลงเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด ประเทศจีนมีความได้เปรียบในด้านระบบอุตสาหกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกขึ้นพื้นฐานที่เพียบพร้อม ทรัพยากรด้านบุคลากรและแรงงานที่สมบูรณ์ดี ซึ่งเป็นผลที่ได้มาจากการพัฒนาเป็นเวลาหลายสิบปี และความได้เปรียบดังกล่าวนี้ ย่อมไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องเพราะผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดแน่นอน

(Yim/Zi)