ขณะที่จำนวนผู้ป่วยสะสมโรคโควิด-19 ของสหรัฐฯ ทะลุ 1 ล้านคน มีสภาพอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนต้องฉุกคิดก็คือ ความไม่เสมอภาคระหว่างชนเผ่าและผู้ยากจนที่อยู่เบื้องหลังตัวเลขจำนวนผู้ป่วย ชาวอเมริกันที่ป่วยเป็นโรคชนิดเดียวกัน แต่มีโชคชะตาที่ต่างกัน
จากตัวเลขสถิติที่ประกาศโดยทางการเมืองลอสแองเจลิส, ชิคาโก, ดีทรอยต์, มิลวอกี และกรุงวอชิงตันแสดงให้เห็นว่า อัตราผู้ติดเชื้อไวรัสของชาวอเมริกันผิวดำสูงกว่าคนกลุ่มอื่น ซึ่งวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ได้ทำการทดสอบแอนติบอดีของพลเมือง 7,500 คน ในจำนวนนี้มีชาวผิวขาวอัตรา 57.1% ผลเป็นบวก 8.9% ชาวอเมริกันเชื้อสายสเปน 17.7% เป็นบวก 32% ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา 14.1% เป็นบวก 16.9% ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย 8.8% เป็นบวก 14.6% ความแตกต่างกันของตัวเลขจำนวนผู้ป่วยคนอเมริกันเชื้อสายต่างๆ นี้แสดงให้เห็นว่า ไวรัสโควิด-19 ทำให้ปัญหาไม่เสมอภาคระหว่างชนชาติของสหรัฐฯ โดดเด่นยิ่งขึ้น
อันที่จริง ไวรัสไม่มีความชอบพิเศษต่อชนชาติใด ความแตกต่างกันของตัวเลขดังกล่าวก็เนื่องจากการแบ่งงานในสังคมที่ไม่เสมอภาคและประกันด้านอนามัยที่ไม่เท่าเทียมของสหรัฐฯ ทำให้ชาวอเมิรกันเชื้อสายแอฟริกาส่วนใหญ่ทำงานแบบใช้แรงงานแต่มีรายได้ต่ำ ไม่มีความสามารถซื้อประกันรักษาพยาบาล และเนื่องจากไม่ค่อยมีเงิน จึงต้องออกมาทำงานที่มีความเสี่ยงสูง และเนื่องจากไม่มีประกันรักษาพยาบาล เมื่อป่วยแล้วย่อมไม่มีเงินไปตรวจรักษาโรคได้ ดร.โรเบิร์ต เรยช์ จากสถาบันสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบอสตันกล่าวกับผู้สื่อข่าวนิวยอร์กไทมส์ว่า ถ้าคุณออกไปเดินข้างนอก และดูว่าเวลานี้ใครยังต้องทำงานอยู่นอกบ้าน ก็คงไม่รู้สึกแปลกใจต่อตัวเลขดังกล่าว
(Yim/Lin/zhou)