วันที่ 30 พฤษภาคม นายชุย เทียนไข่ เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ เขียนบทความลงในเว็บไซต์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐฯ โดยชี้ว่า “กฎหมายว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติสำหรับเขตฮ่องกง” จะเป็นหลักประกันให้ “หนึ่งประเทศสองระบบ” ยืนยาว และเอื้อต่อความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของฮ่องกงในระยะยาว
บทความชี้ให้เห็นว่า หลังเหตุการณ์เรียกร้องการแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว ผู้ก่อความรุนแรง เช่น การโจมตีตำรวจ การปิดล้อมและกักขังประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างผิดกฎหมาย การบุกเข้าอาคารรัฐบาล ฯลฯ ทำให้ฮ่องกงตกอยู่ในสภาพที่วิกฤตทุกด้าน ความมั่นคงแห่งชาติสำหรับเขตฮ่องกงอยู่ในสภาพที่ “ไม่ได้รับการปกป้อง”เป็นเวลานาน ทำให้ฮ่องกงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ความมั่นคงของประเทศจีนถูกรุกราน ซึ่งการปิดช่องโหว่ที่มีความเสี่ยงในด้านความมั่นคงแห่งชาติสำหรับเขตฮ่องกงโดยผ่านวิธีการตรากฎหมายแห่งชาติถือเป็นเรื่องที่เร่งด่วน เมื่อเร็ว ๆ นี้ การประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 13 ครั้งที่ 3 ผ่านมติเกี่ยวกับการสร้างระบบกฎหมายและกลไกปฏิบัติงานเพื่อรักษาความมั่นคงแห่งชาติของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเขตฮ่องกงตลอดจนทั่วประเทศจีน ถือเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ
บทความชี้ว่า มติของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนในครั้งนี้ ระบุไว้อย่างเปิดเผยว่า จีนยืนหยัดที่จะปฏิบัติตามหลักนโยบาย “หนึ่งประเทศสองระบบ” “ให้ชาวฮ่องกงบริหารฮ่องกงเอง” “ให้ฮ่องกงปกครองตนเองในระดับสูง” อย่างเด็ดขาดรอบด้านและแม่นยำ การรักษาความมั่นคงของชาติเป็นพื้นฐานของ "หนึ่งประเทศสองระบบ" จะต้องมีรากฐานของความมั่นคงแห่งชาติที่แข็งแกร่ง และมีความมั่นคงทางสังคมโดยรวม จึงจะแสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของกลไก"หนึ่งประเทศสองระบบ"อย่างเต็มที่ และแก้ปัญหาความขัดแย้งในเชิงลึกเช่น เศรษฐกิจและวิถีชีวิตของผู้คน ทำให้ฮ่องกงมีโอกาสในการพัฒนามากขึ้น แต่ถ้าความมั่นคงของชาติไม่ได้รับการประกัน ความมั่นคงในระยะยาวของฮ่องกงก็จะไม่สามารถรับประกันได้ด้วย
บทความดังกล่าวยังชี้ให้เห็นว่า การผ่านมติจะทำให้เขตบริหารพิเศษฮ่องกงได้รับประกันตามกฎหมายว่าจะสามารถปกครองตนเองในระดับสูง จะเอื้อต่อการรักษาสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและธุรกิจในฮ่องกง การพัฒนาที่มั่นคงในระยะยาวของฮ่องกงจะนำมาซึ่งโอกาสมากขึ้น สร้างประโยชน์ให้กับผู้คนจากทั่วโลกที่เต็มใจทำงาน ลงทุนและใช้ชีวิตในฮ่องกง
Bo/Patt/Zdan