"ฉันไม่เคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อน!" เมื่อเร็วๆ นี้ ระหว่างถ่ายทอดสดเหตุการณ์ประท้วงในสหรัฐฯ ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นต้องเบิกตาโพลงทำอะไรไม่ถูก เมื่อเพื่อนร่วมงานชาวอเมริกันผิวสีถูกจับใส่กุญแจมือ เช่นเดียวกับที่มีนักข่าวหญิงชาวอเมริกันอีกคนหนึ่ง ตาข้างซ้ายถูกกระสุนยางของตำรวจยิงใส่จนเกือบต้องตาบอด ระหว่างรายงานข่าวการประท้วง ซึ่งขณะเกิดกระแสชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่แพร่กระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกานี้ มีนักข่าวมากขึ้นได้รับการปฏิบัติอย่างรุนแรงจากตำรวจ สหรัฐอเมริกาในฐานะที่เป็นมหาอำนาจเดียวในโลก คุยโวเกี่ยวกับเสรีภาพในการพูดโดยตลอด แต่ในวันนี้ นักข่าวกลายเป็นเป้าหมายของการบังคับใช้กฎหมายอย่างรุนแรง นักการเมืองสหรัฐฯหูหนวกตาบอดไปแล้วหรืออย่างไร
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลสื่อได้บันทึกความรุนแรงของตำรวจต่อนักข่าวจำนวนมาก คนทำงานด้านสื่อต้องถูกยิง ทุบตี ฉีดสเปรย์พริกหรือถูกจับกุม เหตุการณ์เหล่านี้ถูกบันทึกไว้ด้วยกล้อง แม้แต่นักข่าวต่างประเทศที่มาจากออสเตรเลียและรัสเซีย เป็นต้น ก็ถูกตำรวจทุบไล่ด้วยโล่ หรือโจมตีด้วยกระสุนยางและแก๊สน้ำตา รัฐบาลสหรัฐฯใช้ความรุนแรงกับนักข่าวอย่างเปิดเผย กระตุ้นความไม่พอใจจากทั่วโลก นักการเมืองสหรัฐฯต้องการปิดบังอะไรกัน พวกเขาไม่คิดอับอายขายหน้าเลยหรือ?
ต่อกรณีนี้ นาง Dan Shelley ผู้อำนวยการบริหารสมาคมข่าววิทยุและโทรทัศน์ดิจิตอล (RTDNA) กล่าวว่า นี่ไม่ใช่แค่การทำร้ายผู้สื่อข่าว แต่เป็นการทำร้ายประชาชนทั่วไปด้วย ทำให้ไม่อาจเป็นพยานรับรู้และบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ นายสเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกสหประชาชาติเน้นว่า เมื่อผู้สื่อข่าวกลายเป็นเป้าหมายการโจมตี ทั้งสังคมต้องแบกรับผลเสียที่ตามมาด้วย หน่วยงานการต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า การละเมิดสิทธิตามกฎหมายของนักข่าวเป็นเรื่องที่ "ยอมรับไม่ได้" นายกรัฐมนตรีมอร์ริสันแห่งออสเตรเลีย ก็ยังขอให้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง และพร้อมที่จะยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการ
ปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อโควิด 19 ของสหรัฐอเมริกามีจำนวนมากกว่า 1.85 ล้านคน การประท้วงขนาดใหญ่แพร่กระจายไปยัง 140 กว่าเมืองทั่วสหรัฐอเมริกา นักการเมืองที่เอาแต่ผลประโยชน์ของตนเอง ยังคงคิดหลบเลี่ยงความรับผิดชอบ พยายามปราบสื่อและสาธารณชน เพื่อปกปิดการไร้ความสามารถและความล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง
Yim/Patt/Zdan