เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศุลกากรแห่งชาติจีนประกาศข้อมูลล่าสุดว่า ช่วงครึ่งแรกปีนี้ ยอดการนำเข้า-ส่งออกระหว่างจีนกับอาเซียนสูงถึง 2.09 ล้านล้านหยวน คิดเป็น 14.7% ของยอดการค้าต่างประเทศของจีน อาเซียนได้ก้าวขึ้นเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน ขณะที่ยอดการนำเข้า-ส่งออกจีนต่อสหภาพยุโรปอยู่ที่ 1.99 ล้านล้านหยวน ลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนยอดการนำเข้า-ส่งออกของจีนต่อสหรัฐฯอยู่ที่ 1.64 ล้านล้านหยวน ลดลง 6.6.% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ นายหลี่ ขุยเหวิน โฆษกศุลกากรแห่งชาติจีนกล่าวว่า การที่อาเซียนได้กลายมาเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนนั้น มีปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งมาจากทั่วทั้งประเทศภูมิภาคอาเซียน คือ ได้จัดการควบคุมสถานการณ์โรคระบาดไว้อย่างดี ขณะเดียวกัน ก็เนื่องด้วยหลายปีมานี้ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างจีน-อาเซียนมีความลึกซึ้งอย่างต่อเนื่อง การเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุตสาหกรรมระหว่างสองฝ่ายมีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การค้าทวิภาคีก็มีความมั่นคงและเติบโตดี
นายสี่ว์ หนิงหนิง ประธานคณะกรรมาธิการธุรกิจจีน-อาเซียนชี้ว่า ระยะเวลาเกือบ 20 ปีมานี้ จีน-อาเซียนดำเนินความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม การประสานความเชื่อมโยง และด้านการเงินเป็นต้น บรรลุซึ่งผลสำเร็จที่น่าพอใจ ความร่วมมือดังกล่าวนี้ต่างช่วยเสริมให้การติดต่อทางการค้าระหว่างสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้น การที่การค้าทวิภาคีระหว่างจีน-อาเซียนมีการเติบโต มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับความต้องการด้านการผลิตและการใช้ชีวิตของกันและกัน อีกทั้งมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการเพิ่มการลงทุนระหว่างสองฝ่าย รวมทั้งการจัดสรรอุตสาหกรรมของบริษัทข้ามชาติต่าง ๆ ในพื้นที่ประเทศจีนและประเทศอาเซียน
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ข้อตกลงการยกระดับเขตการค้าเสรีจีน – อาเซียน มีผลบังคับใช้ต่อสมาชิกทั้งหมด ได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ ให้น้อยลงและนำความสะดวกแก่กันมากยิ่งขึ้น อาทิ กฎระเบียบเกี่ยวกับแหล่งผลิต ข้อตกลงการผ่านด่านศุลกากร การค้าการบริการ และขอบเขตการลงทุน เป็นต้น การเอื้อความสะดวกต่างๆจากเขตการค้าเสรีเหล่านี้ ได้ส่งอิทธิพลต่อการพัฒนาการค้าระหว่างสองฝ่ายด้วย
เมื่อหันกลับไปมองอดีต ไม่ว่าจะเผชิญกับวิกฤตการเงินของทวีปเอเชียเมื่อปีค.ศ. 1997 หรือเผชิญกับวิกฤตการเงินทั่วโลกเมื่อปีค.ศ. 2008 จีนและประเทศสมาชิกอาเซียนต่างมีความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งหลังผ่านวิกฤตทุกครั้ง สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ของปีนี้ ก็ยิ่งทำให้สองฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันอย่างลึกซึ้ง
(Yim/Zi)