วันที่ 17 สิงหาคมตามเวลาท้องถิ่น นายปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะเพิ่มมาตรการจำกัดบริษัทหัวเหวยในการรับเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน จะขึ้นบัญชีบริษัทลูก 38 แห่งใน 21 ประเทศทั่วโลกของบริษัทหัวเหว่ยด้วย นับเป็นการโจมตีวิสาหกิจจีนอีกรอบหนึ่งของแก๊งปอมเปโอ หลังจากโจมตี Tiktok และใส่ร้ายป้ายสีการก่อสร้างเครือข่าย 5G ของจีนในยุโรปกลางและตะวันออก พวกเขาเหยียบย่ำกฎเกณฑ์เศรษฐกิจการตลาด ขัดต่อหลักการการแข่งขันด้วยความเสมอภาค ใช้กำลังประเทศปิดล้อมวิสาหกิจต่างชาติที่ชอบด้วยกฎหมาย สะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่มาโดยตลอด และความวิตกกังวลที่กลัวการแข่งขันอย่างชอบธรรม พฤติกรรมนี้ไม่เพียงแต่ทำลายห่วงโซ่อุตสาหกรรม ห่วงโซ่อุปทาน และห่วงโซ่คุณค่าของทั่วโลก หากยังจะทำลายผลประโยชน์ของชาติและภาพลักษณ์เองของสหรัฐฯ เร่งให้วิสาหกิจทั่วโลกต้องออกห่างจากสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ข้อห้ามดังกล่าวยังกำหนดเป็นพิเศษว่า ก่อนที่จะจำหน่ายเซมิคอนดักเตอร์(สารกึ่งตัวนำ) ที่ผลิตออกมาโดยใช้อุปกรณ์และซอฟต์แวร์สหรัฐฯ ต้องขอรับใบอนุญาตจากฝ่ายสหรัฐฯ ล่วงหน้าด้วย
สหรัฐฯ ได้ขยายความหมายความมั่นคงแห่งชาติมาครั้งแล้วครั้งเล่า ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีหลักฐานใด ๆ และมักจะใช้กำลังประเทศดำเนินมาตรการจำกัดวิสาหกิจจีนส่วนหนึ่งอย่างเกินควรบ่อยครั้ง ทำให้การตลาดมีสภาพที่น่าเป็นห่วง “ขอให้ธุรกิจกลับคืนสู่ธุรกิจ ให้การเมืองกลับคืนสู่การเมือง” นี่เป็นคำร้องขอร่วมกันของวิสาหกิจข้ามชาติทั่วโลก
(Yim/Cui/Zhou)