(นายสี จิ้นผิงกับคุณพ่อ ภริยาและลูกสาว)
บิดาของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ชื่อ “สี จ้งซวิน” เคยเป็นหนึ่งในผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์และประเทศจีน เคยดำรงตำแหน่งผู้นำเขตการปฏิวัติมณฑลส่านซี-กันซู่ เมื่อตอนอายุไม่ถึง 21 ปี และเคยได้รับการยกย่องจากประธานเหมาเจ๋อตุงว่า เป็น "ผู้นำมาจากประชาชน" ตั้งแต่ ค.ศ. 1962 นายสี จ้งซวินตกเป็นผู้ถูกกล่าวหานานถึง 16 ปี แต่ไม่เคยยอมแพ้ให้กับคำใส่ร้าย สู้ยืนหยัดในความเป็นจริงอย่างกล้าหาญ และช่วยชี้แจงข้อเท็จจริงของเพื่อนร่วมงานด้วย
ในช่วงที่ "การปฏิวัติทางวัฒนธรรม" สิ้นสุดลงใหม่ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างรอการฟื้นตัว นายสี จ้งซวินได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการคนที่หนึ่งของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขามณฑลกว่างตง ซึ่งเป็นเขตดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศชุดแรก โดยเขาปฏิบัติงานอย่างมีท่าทีเปิดเผย มีสายตากว้างไกล และมุ่งผลจริง แสวงหาหนทางการพัฒนาให้มณฑลกว่างตง ปูพื้นฐานสำคัญให้มณฑลกว่างตงกลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และพัฒนาอย่างใหญ่หลวงในภายหลัง
(นายสี จิ้นผิง เดินเล่นกับคุณแม่)
คุณแม่ของนายสี จิ้นผิงชื่อ “นางฉี ซิน” เป็นข้าราชการและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนเช่นกัน นายสี จิ้นผิงเป็นลูกกตัญญูอย่างมาก ขอแต่มีเวลา หลังรับประทานอาหารเสร็จ ก็จะจับมือคุณแม่ไปเดินเล่นพูดคุยกัน
ครอบครัวนายสี จิ้นผิง สั่งสอนลูกอย่างเข้มงวด และมีนิสัยประหยัดมาก นายสี จ้งซวิน เห็นว่า ในฐานะเป็นผู้นำระดับสูงในพรรคฯ ตนเองและสมาชิกครอบครัวต้องมีท่าทีที่ถูกต้องก่อนคนอื่น ภายใต้การสั่งสอนที่เข้มงวดของพ่อแม่ นายสี จิ้นผิง ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายตั้งแต่เด็ก โดยเขากับน้องชายมักจะใส่เสื้อผ้าและรองเท้าเก่าของพี่สาว และพอนายสี จิ้นผิงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแล้ว คุณแม่ฉี ซิน จัดเรียกประชุมในครอบครัวเป็นการเฉพาะ ประกาศห้ามลูกคนอื่นทำธุรกิจในวงการที่นายสีบริหาร จากคำสอนสั่งของพ่อแม่ นายสี จิ้นผิง ก็มีนิสัยเช่นเดียวกัน และปฏิบัติตามคำสอนของแม่อย่างดี โดยมักจะบอกกับญาติมิตรว่า "ห้ามดำเนินธุรกิจในพื้นที่ที่ผมทำงานอยู่ ห้ามไปขอความสะดวกหรือผลประโยชน์ในนามของผม มิเช่นนั้น ผมก็จะจัดการแบบไม่เห็นแก่ความเป็นญาติมิตร" ดังนั้น ไม่ว่าตอนทำงานที่มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลเจ้อเจียง หรือนครเซี่ยงไฮ้ นายสี จิ้นผิง ก็จะกล่าวอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมากับปวงชนว่า ห้ามผู้ใดแอบอ้างใช้ชื่อเขาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว พร้อมให้ผู้คนทั้งหลายช่วยเป็นหูเป็นตาให้ด้วย
นางเผิง ลี่หยวน ภริยาของนายสี จิ้นผิง เป็นนักร้องและนักแสดงโอเปร่าชื่อดังของจีน เมื่อ ค.ศ. 1980 เธอเป็นตัวแทนคณะผู้แทนมณฑลซานตงมาแสดงบนเวทีระดับชาติที่กรุงปักกิ่ง โดยขับร้องเพลงพื้นเมืองเรื่อง "เปาเหลิงเตี้ยว(ทำนองเพลงล้อหมุน)" และเรื่อง "ภูเขาอี๋เหมิง-บ้านเกิดฉัน" จึงมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือในวงการดนตรีของกรุงปักกิ่ง เธอยังเป็นผู้ได้ปริญญาโทสาขาขับร้องเพลงพื้นเมืองคนแรกของจีน เป็นตัวแทนวงการเพลงพื้นเมืองร่วมสมัยของจีน และเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มวิชาขับร้องเพลงพื้นเมืองจีนด้วย ผลงานเพลงของเธอได้รับการชื่นชอบจากประชาชนจีนอย่างกว้างขวาง เช่น เพลง "ในนาแห่งความหวัง" "ญาติมิตรในบ้านเกิด" "พวกเราคือแม่น้ำเหลืองและภูเขาไท่ซาน" และ "แผ่นดิน" เป็นต้น
นางเผิง ลี่หยวน เคยเข้าร่วมการประกวดร้องเพลงระดับประเทศและได้เป็นผู้ชนะหลายต่อหลายเวทีด้วย นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัล "แผ่นเสียงทองคำจีน" รุ่นแรก และรางวัลใหญ่ด้านผลิตภัณฑ์วิดีโอและออดิโอระดับประเทศรุ่นแรก เป็นต้น
นางเผิง ลี่หยวน เคยเป็นนางเอกละครเพลงพื้นเมืองจีนหลายเรื่องเช่น "สาวผมขาว" "รุ่งอรุณแสนเศร้าโศก" และ "ลูกสาวของพรรคคอมมิวนิสต์จีน" เป็นต้น เคยได้ “รางวัลดอกเหมย" ปีที่ 3 ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดด้านเพลงและละครจีน และ “รางวัลเหวินหวา" สาขาละครปีที่ 3 จากกระทรวงวัฒนธรรมจีนด้วย
ตั้งแต่ประกอบอาชีพเป็นนักร้อง นายเผิง ลี่หยวน ยืนหยัดผลิตผลงานที่ใกล้ชิดชีวิตประชาชนทั่วไป และทำงานเพื่อประชาชนอย่างสุดหัวใจ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็น "ศิลปินของประชาชนที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านคุณธรรมและศิลปะ" เธอมักจะพูดว่า "ต้นไม้ถึงจะโตสูงหลายร้อยเมตร ก็ไม่สามารถลืมรากได้" ซึ่งอุปมาถึงความผูกพันใกล้ชิดระหว่างศิลปินกับประชาชน เธอกล่าวว่า "ประชาชนเป็นผู้ฟูมฟักดิฉัน ดิฉันมีแต่ต้องอุทิศความสามารถด้านศิลปะทุกอย่างของตนให้กับประชาชน ถึงจะตอบแทนความรักใคร่เอ็นดูจากประชาชนได้"
(สี จิ้นผิงกับภริยานางเผิง ลี่หยวน เมื่อกันยายน ค.ศ. 1989)
ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีมานี้ นางเผิง ลี่หยวนได้ไปร้องเพลงมอบกำลังใจให้กับประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ อย่างใกล้ชิดจำนวนหลายร้อยครั้ง ไม่ว่าจะในพื้นที่ยากจนกลางป่าลึกหรือพื้นที่เขตชายแดนไกลแสนไกล ไม่ว่าพื้นที่ทะเลทรายหรือที่ราบสูงและภูเขาหิมะ ตลอดจนเมื่อประเทศจีนเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่อำเภอเวิ่นชวน มณฑลเสฉวน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคซาร์สที่กรุงปักกิ่ง การเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เมืองจิ่วเจียง มณฑลเจียงซี เป็นต้น นางเผิง ลี่หยวนได้เดินทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศจีน ใช้บทเพลงไพเราะปลอบขวัญประชาชนทั้งหลาย และเพื่อแนะนำมนต์เสน่ห์ของละครและเพลงพื้นบ้านของประชาชาติจีนให้ทั่วโลกรู้จัก เมื่อ ค.ศ. 1993 ที่ผ่านมา นางเผิง ลี่หยวนได้ไปจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวที่ประเทศสิงคโปร์เป็นครั้งแรก ต่อมา นางเผิง ลี่หยวน ในนามตัวแทนของประเทศจีน ได้ไปเยือนประเทศและภูมิภาคกว่า 50 แห่ง เพื่อจัดการแสดงบ่อยครั้ง จนมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะ “ทูตวัฒนธรรม” ของจีน
นางเผิง ลี่หยวนได้ร่วมแสดงนำในละครเพลงเรื่อง “มู่หลาน” บนเวทีศูนย์ศิลปะลินคอล์นเซ็นเตอร์ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ และโรงละครแห่งรัฐเวียนนาประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็นสถานที่ชั้นนำในแวดวงศิลปะโลก และได้รับรางวัล “ศิลปินที่โดดเด่นที่สุด” จากคณะกรรมการศูนย์ศิลปะลินคอล์นเซ็นเตอร์ และรางวัล “ผู้มีคุณูปการดีเด่นด้านศิลปะ” จากคณะกรรมการการละครแห่งสหพันธรัฐออสเตรียและโรงละครแห่งรัฐเวียนนา
นอกจากนี้แล้ว นางเผิง ลี่หยวนได้ทุ่มเทให้กับด้านประชาสงเคราะห์มาโดยตลอด เคยดำรงตำแหน่ง “ทูตรณรงค์ต่อต้านวัณโรคและโรคเอดส์” ขององค์การอนามัยโลก และเป็น “ผู้สนับสนุนการป้องกันโรคเอดส์ของประเทศจีน” “ทูตรณรงค์ต้านบุหรี่” และ “ทูตให้รักเพื่อวันพรุ่งนี้” รณรงค์ให้ความรักเอาใจใส่ป้องกันการกระทำผิดของเด็กและเยาวชนของชาติ
(นายสี จิ้นผิงอยู่กับลูกสาวในยามว่าง)
นายสี จิ้นผิงและนางเผิง ลี่หยวนพบกันเมื่อ ค.ศ. 1986 และหลังแต่งงานกันแล้ว สองสามีภรรยาต่างคนต่างมีงานหนัก แม้จะไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน แต่ทั้งสองคนต่างเข้าอกเข้าใจและสนับสนุนห่วงใยกันมาโดยตลอด ทั้งนี้ เนื่องจากนางเผิง ลี่หยวน เป็นนักร้องสังกัดกองทหาร จึงมีภาระหน้าที่ไปจัดการแสดงปลอบขวัญให้กำลังใจประชาชนในต่างถิ่นต่างเมืองบ่อยครั้ง ซึ่งพื้นที่ที่นางเผิง ลี่หยวนเดินทางไป ส่วนใหญ่อยู่ห่างไกลความเจริญมาก เมื่อต้องไปปฏิบัติหน้าที่ก็จะมักจะนานถึง 2-3 เดือน นายสี จิ้นผิงจึงเป็นห่วงภรรยาอยู่เสมอ และแม้ว่าระยะเวลาหลายสิบปีมานี้ แม้สองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทุกวันไม่ว่าจะดึกแค่ไหน ขอให้สามารถติดต่อกันได้ นาย สี จิ้นผิง ก็จะโทรศัพท์คุยกับภรรยาอย่างน้อย 1 ครั้งจึงจะวางใจ ในอดีต เมื่อถึงคืนส่งท้ายปีฉลองรับตรุษจีน นางเผิง ลี่หยวนจะต้องไปร่วมงานราตรีฉลองตรุษจีนของสถานีโทรทัศน์ส่วนกลางจีน(ซีซีทีวี) และนาย สีจิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นยังทำงานในต่างถิ่น เมื่อได้กลับมาเยี่ยมบ้านที่กรุงปักกิ่ง นายสี จิ้นผิงก็จะเปิดดูรายการไปพลางห่อเกี๊ยวไปพลาง เพื่อรอภรรยาเสร็จงานกลับมากินเกี๊ยวพร้อมกัน
นางเผิง ลี่หยวนชื่นชมนายสี จิ้นผิงเสมอว่า เป็นสามีที่ดีของภรรยา และเป็นคุณพ่อที่ดีของลูก ซึ่งนางเผิง ลี่หยวนก็ดูแลเอาใจใส่นายสี จิ้นผิงสมหน้าที่ภรรยาที่ดีไม่แพ้กัน เมื่อมีเวลาได้อยู่ด้วยกัน ก็จะลงมือทำกับข้าวที่ถูกปากเอาใจนายสี จิ้นผิง
ในสายตาของนางเผิง ลี่หยวน สามีของเธอเป็นคนที่ไม่ธรรมดา ขณะเดียวกันก็เป็นคนธรรดาคนหนึ่งด้วย สามีของเธอชอบกินอาหารมณฑลส่านซีและมณฑลซานตง เวลากินข้าวกับเพื่อนก็จะดื่มสังสรรค์เหมือนคนทั่วไป ชอบว่ายน้ำ ปีนเขา ชอบดูการแข่งขันบาสเก็ตบอล ฟุตบอลและการแข่งขันชกมวย บางที ก็จะอยู่ดึกเพื่อดูรายการถ่ายทอดสดแข่งกีฬา
สองสามีภรรยาตั้งชื่อให้กับลูกสาวว่า “หมิงเจ๋อ” เพราะหวังให้ลูกเป็นคนที่ความซื่อสัตย์ มีจิตใจบริสุทธิ์สะอาด และทำประโยชน์ให้กับสังคม เป็นภาพบรรยากาศที่เรียบง่ายน่าชื่นใจของครอบครัวนายสี จิ้นผิงและภริยา
(Yim/Ldan/Zi/Lu)