เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าว TASS ของรัสเซียออกรายงานในหัวข้อ “ เคล็ดลับที่เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตขึ้นท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่กำลังหดตัว” โดยระบุว่าก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์โลกจำนวนหนึ่งเคยมองเศรษฐกิจจีนในแง่ลบ แต่อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาสสองของปีนี้กลับโตขึ้น 3.2% จีนใช้วิธีกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างไรในช่วงวิกฤตแบบนี้? เจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญจีนได้ตอบคำถามอย่างละเอียดและชัดเจนว่า
ก่อนอื่นรัฐบาลจีนได้ใช้มาตรการเข้มงวดในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 เพื่อเตรียมความพร้อมแก่การฟื้นฟูเศรษฐกิจ เจ้าหน้าที่คณะกรรมการอนามัยและสุขภาพแห่งชาติจีนให้สัมภาษณ์สำนักข่าว TASS ว่ารัฐบาลจีนใช้นโยบายป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวดมาโดยตลอด หากพบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากในพื้นที่ใด รัฐบาลจะใช้มาตรการล็อกดาวน์พื้นที่นั้นทันที โดยปิดบริการของธุรกิจและห้างร้านต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานรัฐบาลและองค์กรต่างๆ ในพื้นที่นั้น และให้ชาวบ้านอยู่แต่ในบ้านในเวลาส่วนใหญ่ พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครจำนวนมากทำหน้าที่ช่วยดูแลระเบียบสังคมและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่
ช่วงหลายเดือนหลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ผู้นำจีนย้ำตลอดว่า ความปลอดภัยทางด้านชีวิต และสุขภาพของประชาชนต้องมาก่อนรัฐบาลจีนมีความเห็นว่าต้องให้การป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 ประสบความสำเร็จในเชิงยุทธศาสตร์ก่อน หลังจากนั้นจึงจะสามารถฟื้นฟูการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเป็นปกติได้
ผู้เชี่ยวชาญจีนส่วนใหญ่เห็นว่าสาเหตุสำคัญที่จีนสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ ก็เพราะว่ารัฐบาลได้ใช้มาตรการเด็ดขาดในการป้องกันและควบคุมโรค โดยสั่งให้ประชาชนในพื้นที่ระบาดต้องอยู่แต่ในบ้าน หลังสถานการณ์ผ่อนคลายลงรัฐบาลจีนได้วางแผนฟื้นฟูการทำงานและการผลิตอย่างเป็นระเบียบ ทำให้เศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น
ประการที่สอง มีการวางยุทธศาสตร์ล่วงหน้า เพื่อรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 17 เมษายน การประชุมกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง. ที่ประชุมได้กำหนดเป้าหมายใหม่ในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ และประกาศใช้นโยบาย “6 ความมั่นคง” “6 ประกัน” เพื่อลดผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และสร้างรากฐานให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ซึ่งก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 รัฐบาลจีนก็เริ่มพิจารณานโยบาย “6 ความมั่นคง” “6 ประกัน” เมื่อปี 2018 ที่สหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันต่อจีน บังคับให้จีนยอมรับข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่มากเกินไปจนจีนไม่อาจรับได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น จีนเริ่มเสนอนโยบาย “6 ความมั่นคง” คือให้การมีงานทำ. การเงิน การค้าต่างประเทศ. ทุนต่างชาติ. การลงทุน และการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจมีความมั่นคง เพื่อลดผลกระทบทางลบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
ต่อมาเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว รัฐบาลจีนได้ประกาศใช้นโยบาย “6 ประกัน” คือประกันชีวิตความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐานของประชาชน ประกันธุรกิจทุกสาขาในตลาด ประกันความปลอดภัยด้านธัญญาหารและพลังงานประกันความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานด้านอุตสาหกรรม และประกันการดำเนินงานของหน่วยงานระดับล่าง เพื่อทำให้พื้นฐานเศรษฐกิจมีความมั่นคง และป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจตกต่ำ
หนังสือพิม์เหรินหมินรึเป้าของจีนประเมินค่ายุทธศาสตร์และนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลจีนว่า รัฐบาลจีนพยายามสร้างโอกาสใหม่ท่ามกลางวิกฤต และขจัดความเสี่ยงต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประการที่สาม. จีนพึ่งพาตนเองในการพัฒนาประเทศ ช่วงหลายสิบปีมานี้ เศรษฐกิจจีนพัฒนาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โครงสร้างอุตสาหกรรมมีความทันสมัยขึ้น ทำให้จีนพึ่งพาการส่งออกและทุนต่างชาติน้อยลง จากข้อมูลของทางการจีน เมื่อปี 2019 การอุปโภคบริโภคของจีนคิดเป็นสัดส่วน 58% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ขณะที่การลงทุนเป็น 31% และการส่งออกอยู่ที่ 11% เท่านั้น
ภายใต้สถานการณ์ปริมาณการค้าต่างประเทศลดลงอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจีนได้สนับสนุนให้วิสาหกิจส่งออกหันมาจำหน่ายสินค้าส่งออกบางส่วนในประเทศ ระหว่างวันที่ 9 กันยายน- 8 ตุลาคม วิสาหกิจกว่า 100,000 แห่ง ใน 179 เมืองทั่วประเทศได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการอุปโภคบริโภค
นักเศรษฐศาสตร์จีนส่วนใหญ่ยังเห็นว่า นอกจากใช้นโยบายกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ จีนยังดำเนินยุทธศาสตร์ระยะยาวในการลงลึกความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศต่างๆ ทั่วโลก
เมื่อปี 2013 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้เสนอข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างระบบที่มีความสมบูรณ์ในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่อำนวยประโยชน์แก่กันกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ แม้การลงทุนของจีนต่อต่างประเทศลดลง 2.1%แต่การลงทุนของจีนต่อประเทศรายทาง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กลับเพิ่มขึ้น 28.9% ทำให้เศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกในระดับน้อยมาก
(bo/cai).