1.คุณพ่อขี่จักรยานพาลูกสาววัย 4 ขวบไปทิเบต
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน อาโต่ว วัย 26 ปี เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว พาลูกสาววัย 4 ขวบ ชื่อว่า โตวโตว ใช้เวลา 71 วัน ขี่จักรยานเดินทาง 4,139 กิโลเมตร ถึงวังโปตาลาในเมืองลาซ่า เขตทิเบต โดยไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถทำได้เมื่อออกเดินทาง
อาโต่วอาศัยอยู่ในเมืองตงก่วน มณฑลกว่างตง มีธุรกิจของตัวเอง การระบาดของโควิด19 ทำให้เขาตระหนักดีว่า ควรทะนุถนอมชีวิต จึงตัดสินใจหยุดทำงานชั่วคราว และพาลูกสาวไปสัมผัสโลกภายนอกด้วยการขี่จักรยาน ถือเป็นของขวัญฉลองวันเกิดปีที่ 4 ของลูกสาว
เมื่อวันที่ 1 เมษายน อาโต่วและโตวโตวออกเดินทางจากตงก่วน ตอนแรก เขาขี่ได้ 50 - 60 กิโลเมตรต่อวัน โตวโตวนั่งอยู่ในรถเข็นข้างหลัง ทั้งพ่อและลูกสาวต่างตื่นเต้นกัน เมื่อเหนื่อยก็หยุดพักแล้วค่อยเดินทางต่อ
ในวันที่ 10 นับแต่ออกเดินทาง เป็นวันเกิดปีที่ 4 ของลูกสาว อาโต่วเขียนจดหมายถึงลูกสาวว่า:
วันเกิดของเด็กคนอื่น อาจเป็นตุ๊กตาหมูสีชมพู Peppa Pig และสวนสนุก แต่พ่ออยากส่งดวงดาวและทะเลให้ลูก ไม่ว่าลูกจะเจอปัญหาอะไรในชีวิตในอนาคต พ่อหวังว่าลูกจะจดจำการเดินทางครั้งนี้ได้ ยึดมั่นต่อไป สักวันหนึ่ง ก็จะถึงจุดหมายปลายทางให้ได้แน่นอน
2.หนุ่มจีนนั่งรถเมล์จากเมืองกว่างโจวไปเที่ยวนครเซี่ยงไฮ้
นอกจากพ่อลูกสองคนนี้ มีหนุ่มจีนคนหนึ่งก็ได้พิสูจน์ว่า ถ้ามีความฝันในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็จะเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง เขานั่งรถเมล์เดินทางจากเมืองกว่างโจวไปถึงนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งห่างกันประมาณ 1,922 กิโลเมตร
หนุ่มคนนี้ชื่อว่า เถียน เสี่ยวลั่ง เขาอยากนั่งพาหนะสาธารณะไปท่องเที่ยวเมื่อเห็นแผนที่เส้นทางเดินรถประจำทางจากเมืองกว่างโจวถึงนครเซี่ยงไฮ้ด้วยความบังเอิญ จึงตั้งใจจะท่องเที่ยวด้วยวิธีแบบนี้ การเดินทางครั้งนี้ เขาเอาเพียงกระเป๋าเดียว โดยออกเดินทางจากเมืองเจียงเหมิน ใช้เวลา 10 กว่าวัน นั่งผ่านป้ายรถประจำทางประมาณ 700 ป้าย ปัจจุบัน ได้เดินทางถึงเมืองจางโจวของมณฑลฝูเจี้ยน
เถียน เสี่ยวลั่ง เล่าว่า เคยนั่งรถนานที่สุดถึง 8 ชั่วโมงในวันเดียว แต่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยแล้วไม่เกิน 150 หยวนต่อวัน ซึ่งปัจจุบัน ได้ใช้ประมาณ 2,000 หยวนแล้ว
ข้อบกพร่องของการท่องเที่ยวแบบนี้คือ ต้องทำเวลาไปให้ทันรถ เพราะรถประจำทางจะมีกำหนดเวลาอย่างเข้มงวด แต่เขาเองก็ไม่ได้อยากอยู่ในที่เดียวนานมาก เพราะถ้าทำอย่างนั้น ต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งปีจึงจะถึงจุดหมายปลายทาง
เถียน เสี่ยวลั่ง ใช้กล้องบันทึกเรื่องราวต่างๆ และทิวทัศน์ระหว่างทาง และโพสต์ขึ้นอินเตอร์เน็ต ได้ดึงดูดผู้ติดตามมากมาย ปัจจุบันมีประมาณ 10,000 คนแล้ว เขาบอกว่า แฟนๆ ได้ติดตาม vlog ของผมเหมือนติดตามละครโทรทัศน์ การเดินทางแบบนี้ มีความรู้สึกที่พิเศษมาก ไม่เหมือนกับการท่องเที่ยวที่นั่งรถไฟหรือเครื่องบิน
ปัจจุบัน เถียน เสี่ยวลั่ง ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ระหว่างทาง เขาได้รู้จักประชาชนของพื้นที่ต่างๆ ได้ชิมอาหารอร่อยและชมทิวทัศน์สวยงาม และเขากำลังยืนหยัดเดินทางต่อไป เชื่อว่าคนที่ใช้วิธีการท่องเที่ยวพิเศษแบบนี้ย่อมจะเป็นคนที่รักชีวิตมาก และจะได้ความสุขที่เราไม่สามารถสัมผัสได้