วันที่ 19 ตุลาคม กรมสถิติแห่งชาติจีน ประกาศรายงานว่า เศรษฐกิจจีนในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้มีการเติบโตในทิศทางบวก จากการคำนวณเบื้องต้น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของจีนช่วงสามไตรมาสแรกปีนี้มีมูลค่ารวม 72.2786 ล้านล้านหยวน หรือ ราว 290 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากมองรายไตรมาส อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาสแรกอยู่ที่ติดลบ 6.8% ส่วนไตรมาสสองอยู่ที่ 3.2% และไตรมาสสามอยู่ที่ 4.9% ทั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 อย่างกะทันหัน จีนทำได้ทั้งคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศด้วยความสำเร็จ ข้อเท็จจริงพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า ภายใต้การนำที่เข้มแข็งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบบบริหารประเทศของจีนสามารถรับมือกับวิกฤตรุนแรงได้
ต้นปีที่ผ่านมา หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ที่เมืองอู่ฮั่นและอีกหลายพื้นที่ในมณฑลหูเป่ย คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีนายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่เป็นแกนนำ ยืนหยัดความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพของประชาชนเหนือสิ่งอื่นใด ระดมกำลังเจ้าหน้าที่การแพทย์จากพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เดินทางไปช่วยเหลือเมืองอู่ฮั่นและพื้นที่อื่น ๆ ในมณฑลหูเป่ยทันที พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ต้องไม่พลาดผู้ติดเชื้อและไม่ทิ้งผู้ป่วยโควิด-19 แม้แต่คนเดียว ด้วยเหตุนี้ ผู้ป่วยตั้งแต่ทารกแรกเกิดวัยเพียง 30 ชั่วโมงไปจนถึงผู้สูงอายุวัย 100 ปีล้วนได้รับการรักษาอย่างเต็มกำลัง
หลังประสบความสำเร็จเชิงยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับโควิด-19 ทั่วประเทศ รัฐบาลจีนออกมาตรการบรรเทาความยากลำบากของประชาชนและเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจสาขาต่าง ๆ ทันที เช่น ให้ความสำคัญแก่การมีงานทำในอันดับต้น ๆ ส่งเสริมการลงทุนและการอุปโภคบริโภค ให้การค้า การลงทุนจากต่างชาติ รวมถึงห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานมีความมั่นคง ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่และขับเคลื่อนการฟื้นฟูธุรกิจในสาขาต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบ เช่น ธุรกิจการคมนาคมขนส่ง ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาเก็ต และการท่องเที่ยว พร้อมทั้งยังฟื้นฟูการเรียนอย่างเป็นขั้นตอนและสนับสนุนการฟื้นฟูธุรกิจในโครงการช่วยเหลือกลุ่มผู้ยากจน มาตรการเหล่านี้ช่วยให้จีนกลายเป็นเขตเศรษฐกิจหลักแห่งแรกในโลกที่สามารถฟื้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ตลอดจนยังเป็นประเทศแนวหน้าของโลกในด้านการป้องกันควบคุมโควิด-19 ควบคู่ไปกับฟื้นฟูการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
หันมามองสหรัฐฯ ที่อวดอ้างว่าตัวเองเป็นแบบอย่างแห่งประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนโลก จนถึงวันที่ 19 ตุลาคม เวลา 16.25 น. ตามเวลาท้องถิ่น สหรัฐฯ มีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมรวม 8,201,554 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สะสมรวม 220,020 คน นอกจากนี้ ยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ ผู้มีอำนาจของสหรัฐฯ กลับไม่คำนึงถึงความเป็นความตายและสวัสดิภาพของประชาชน ไม่มุ่งมั่นใช้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคระบาด แต่กลับพูดซ้ำ ๆ ซาก ๆ เพื่อใส่ร้ายจีน มิหนำซ้ำยังส่งเครื่องบินสอดแนมเข้าใกล้ชายฝั่งจีนบ่อยครั้ง พร้อมส่งเครื่องบินทหารและเรือรบอวดแสนยานุภาพในทะเลจีนใต้หลายต่อหลายครั้ง การกระทำเช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ อย่างสิ้นเชิง จึงขอเตือนให้ผู้มีอำนาจของสหรัฐฯ หันมาใช้มาตรการป้องกันและควบคุมโควิด-19 ภายในประเทศอย่างจริงจัง ดูแลความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง ตลอดจนอย่ามุ่งแสดงแสนยานุภาพตามที่ต่าง ๆ และสร้างความวุ่นวายแก่โลก
(tim/cai)