วันที่ 23 ตุลาคม นายสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีน กล่าวปราศรัยสำคัญ ในการประชุมขนาดใหญ่เพื่อรำลึกครบรอบ 70 ปี ทหารอาสาประชาชนจีนร่วมทำสงครามช่วยเหลือเกาหลีเหนือต้านทัพสหรัฐฯ ว่า สงครามครั้งนั้นได้ต่อต้านการรุกรานและแผ่อิทธิพลของจักรวรรดินิยม รักษาความปลอดภัยของประเทศจีนใหม่ คุ้มครองการใช้ชีวิตอย่างสันติของประชาชนจีน ทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีมั่นคง ตลอดจนพิทักษ์สันติภาพในทวีปเอเชียและสันติภาพโลก สุนทรพจน์ดังกล่าวส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า จีนจะพิทักษ์อธิปไตย บูรณภาพเหนือดินแดน และความเป็นเอกภาพ
“ทำสงครามที่เป็นธรรมเพื่อความยุติธรรม” คือ แก่นแท้ของสงครามช่วยเหลือเกาหลีเหนือต้านทัพสหรัฐฯ เมื่อ 70 ปีก่อน เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1950 รัฐบาลสหรัฐฯ ยึดยุทธศาสตร์ระดับโลกและแนวความคิดสงครามเย็น ตัดสินใจยกทัพแทรกแซงสงครามภายในของเกาหลี ทหารสหรัฐฯ ล้ำเส้นขนานที่ 38 บุกประชิดชายแดนจีน-เกาหลี ยัดเยียดสงครามให้ประชาชนจีน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ผู้นำจีนซึ่งรวมถึงนายเหมา เจ๋อตง ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ นำทหารอาสาประชาชนจีนยกทัพไปต่างประเทศ
แม้ในสภาพที่กำลังพลของศัตรูและฝ่ายจีนแตกต่างกันนั้น ทหารอาสาประชาชนจีนประสานกับทหารและพลเมืองเกาหลี ต่อสู้อย่างยากลำบากเป็นเวลา 2 ปี 9 เดือน จนได้รับชัยชนะ ดังที่นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่ พรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานาธิบดีจีน และประธานคณะกรรมการการทหารส่วนกลางของจีน กล่าวไว้ว่า สงครามช่วยเหลือเกาหลีเหนือต้านทัพสหรัฐฯ เป็นแถลงการณ์ของจีนที่ประชาชนจีนลุกขึ้นตั้งตระหง่านอยู่บนโลกตะวันออก เป็นหมุดหมายที่สำคัญของประชาชาติจีนในการมุ่งฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อทบทวนอดีตก็จะเห็นถึงอนาคต วันนี้
จีนรำลึกการต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเมืองและประเทศเมื่อ 70 ปีก่อน ไม่ใช่เพื่อเผชิญหน้าแต่เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ในประวัติศาสตร์ อันเป็นบทเรียนในทางปฏิบัติและระยะยาวของจีนในการรักษาสันติภาพให้ดีขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับ 70 ปีก่อน สันติภาพและการพัฒนากลายเป็นกระแสของโลกปัจจุบัน แต่นักการเมืองสหรัฐฯ บางคนกลับไม่เรียนรู้บทเรียนทางประวัติศาสตร์ ยึดติดกับเกมผลรวมเป็นศูนย์และแนวคิดสงครามเย็น เผยแพร่แนวคิดเอกภาคีนิยม ลัทธิครองความเป็นใหญ่ และความเห็นแก่ตัวอย่างสุดขั้ว เพื่อกดดันจีนอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ว่าประเทศหรือทหารหน่วยใด แม้แข็งแกร่งเพียงไร หากยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกระแสการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ อาศัยความเหนือกว่ารังแกผู้อื่น ผิดทำนองคลองธรรม และรุกรานแผ่อิทธิพล ก็ย่อมจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เราควรจดจำบทเรียนในอดีตเพื่อเป็นที่พึ่งของอนาคต ประชาชนจีนรักสันติ จะไม่ครองความเป็นใหญ่ ไม่แผ่อิทธิพล แต่จะไม่ยอมเสียอธิปไตย ประชาชนจีนไม่ก่อปัญหาและไม่กลัวเมื่อเผชิญกับความยากลำบากหรือความเสี่ยงใด ๆ ขาจะไม่สั่น หลังจะไม่ก้ม ประชาชาชาติจีนไม่กลัวการข่มขู่หรือกดให้ล้ม จิตวิญญาณที่เกิดจากสงครามช่วยเหลือเกาหลีเหนือต้านทัพสหรัฐฯ จะปลุกเร้าประชาชนจีนให้กล้าต่อสู้กับความท้าทายหรือความเสี่ยงใด ๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยืนหยัดเดินบนหนทางแห่งการร่วมพัฒนาความร่วมมืออย่างสันติ เปิดกว้างและจับมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสร้างประชาคมมนุษย์ที่มีอนาคตร่วมกัน ตลอดจน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีงามแห่งสันติภาพและการพัฒนาของมนุษย์
(Tim/Cui)