จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐฯ กำลังทำสถิติใหม่ทุกวัน ขณะที่สหรัฐฯ ทำให้การแพร่ระบาดครั้งนี้เป็นเรื่องการเมือง โดยระบุว่า สาเหตุที่ไม่สามารถควบคุมการระบาดได้เป็นเพราะระบบการเมืองของสหรัฐฯ ต่างจากจีน คนอเมริกันมี "ประชาธิปไตย" และ "สิทธิมนุษยชน" ส่วนคนจีนไม่มี นี่คือข้อเท็จจริงจริงหรือ?
ในด้านการรับมือโรคระบาด จีนเป็นตัวแทนรูปแบบการควบคุมด้วยการจัดการขั้นสูงและความเป็นวิทยาศาสตร์ รวมถึงยังได้พิสูจน์แล้วว่า มีประสิทธิภาพเมื่อปฏิบัติตามแนวทางเดียวกันในประเทศที่มี "ระบบการเมืองต่างกัน" เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ ซึ่งล้วนเน้นผลประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าส่วนบุคคล รัฐบาลกำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ขณะที่ประชาชนก็พยายามปฏิบัติตาม แม้บางครั้งจะเกิดความไม่สะดวกบ้างก็ตาม ขณะเดียวกัน ผู้คนในประเทศเหล่านี้ยังยินยอมให้มีการกักกันโรคและสนับสนุนมาตรการที่อนุญาตให้เฉพาะผู้อยู่อาศัยเท่านั้นเดินทางเข้าประเทศเป็นหลัก ดังนั้น จึงสามารถควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ
นอกจากนี้ จีนยังแนะนำประสบการณ์ป้องกันโรคระบาดทางวิทยาศาสตร์แก่ต่างประเทศ แต่เมื่อประสบการณ์เหล่านี้มาถึงสหรัฐฯ กลับถูกหยิบยกมาเป็นเรื่องการเมืองโดยตรง หลายเดือนที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักวิจารณ์ที่ดุเดือดที่สุด เคยกล่าวหาถึง "ไวรัสจีน" บนทวิตเตอร์ พร้อมโจมตีจีนเป็นเนื้อหาหลักของแคมเปญ
ปัจจุบัน รัฐบาลทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐฯ เตรียมเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งในความเป็นจริง คือ การเลิกควบคุมโรคระบาด ตรงกันข้ามกับการบริหารของทรัมป์ จีนได้ดำเนินการครั้งใหญ่เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัส ผลลัพธ์ก็คือ เศรษฐกิจจีนกลับมาเติบโตอีกครั้ง ชีวิตโดยทั่วไปกลับคืนสู่ภาวะปกติ ขณะที่สหรัฐฯ กำลังทนทุกข์ทรมานจากการติดเชื้อระลอกสามและอาจใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งในอนาคต
ประสบการณ์ของจีนแสดงให้เห็นว่า ก่อนเริ่มเปิดเศรษฐกิจต้องปกป้องสุขภาพประชาชนก่อน
เมื่อใดก็ตามที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อแม้เพียงเล็กน้อยปรากฏขึ้น รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการจำนวนมากอย่างแข็งขัน เพื่อแยกผู้ติดต่อใกล้ชิดอย่างรวดเร็วและทดสอบผู้คนหลายล้านคนเพื่อหาไวรัส ช่วยควบคุมอัตราการติดเชื้อในท้องที่ต่าง ๆ ให้เกือบเป็น 0 ขณะที่ ชาวจีนก็ยอมรับและคุ้นเคยกับชีวิตประจำวันที่ต้องลดการเดินทางติดต่อธุรกิจ ใช้การสื่อสารทางไกลทดแทน รวมถึงสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ แม้หลายเมืองในจีนไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มาหลายเดือนแล้ว
สหรัฐฯ ซึ่งเน้น "เสรีภาพส่วนบุคคล" มากเกินไป เมื่อเทียบกับจีน แทนที่จะบอกว่าระบบการเมืองต่างกัน กลับควรบอกว่าลัทธิปัจเจกนิยมและลัทธิรวมกลุ่มนั้นแตกต่างกัน รัฐบาลที่เฉยเมยกับรัฐบาลที่ตอบสนองอย่างแข็งขันนั้นต่างกัน เห็นได้ชัดว่า วิธีการป้องกันการแพร่ระบาดของจีนและมุมมองของคนจีนต่อการควบคุมโรคระบาดตอบสนองต่อการแพร่ระบาดได้ดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่ต้องพูดถึงในประเทศจีนที่ผู้คนไม่ได้รู้สึกว่าการควบคุมในชีวิตประจำวันนั้นเข้มงวดเกินไป ขณะที่ ชีวิตและการทำงานที่กลับเป็นปกติทำให้ชาวจีนรู้สึกโล่งใจมาก
Tim/Patt