ตั้งแต่การประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศครั้งที่ 18 เป็นต้นมา นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เอาใจใส่ประเด็นที่อยู่อาศัยของประชาชนมาโดยตลอด เขาเดินทางข้ามภูเขาสูงและแม่น้ำลำคลองเพื่อลงพื้นที่หมู่บ้านห่างไกลไปจนถึงตรอกซอกซอยลึกในเมือง เพื่อรับฟังเสียงประชาชน สอบถามสารทุกข์สุขดิบของชาวบ้าน ตลอดจนขับเคลื่อนการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาอันหนักแน่น “ให้ประชาชนทุกคนมีที่อยู่อาศัย” ด้วยตนเอง
“ให้พวกคุณมีชีวิตที่ดีด้วยการย้ายถิ่นฐาน”
“พื้นที่ซากือซานในบริเวณเทือกเขาใหญ่และหุบเขาลึก ประชาชนไม่ต้องอยู่กับความหนาวเย็นและทุกข์ยากอีกต่อไป เจ้าหน้าที่และมวลชนมาทำงานร่วมกัน หมู่บ้านใหม่เกิดขึ้นบนพื้นที่ราบ”
นี่คือเนื้อร้องท่อนหนึ่งของบทเพลงพื้นบ้าน “ฮวาเอ๋อ” ที่เรียบเรียงโดยชาวหมู่บ้านใหม่ปันเย่น อำเภอปกครองตนเองชนเผ่าถูฮู่จู้ มณฑลชิงไห่ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน บทเพลงพื้นบ้านนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงของหมู่บ้านแห่งนี้
ชาวหมู่บ้านใหม่ปันเย่น อำเภอปกครองตนเองชนเผ่าถูฮู่จู้ มณฑลชิงไห่กำลังรังสรรค์ “ผันซิ่ว” ซึ่งเป็นศิลปะการเย็บปักถักร้อยแบบดั้งเดิมของชนเผ่าถู หนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ระดับชาติของจีน (บันทึกภาพวันที่ 4 กันยายน 2019)
ย้อนเวลากลับไปวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2016 ที่ตั้งของหมู่บ้านใหม่ปันเย่นในเวลานั้นยังคงเป็นพื้นที่ก่อสร้าง ท่ามกลางสายฝนพรำมีแขกพิเศษเดินทางไปเยือนถึงที่นั่น ซึ่งก็คือ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง นั่นเอง
นายสี จิ้นผิงเดินตรวจดูโครงสร้างภายในบ้าน สอบถามความคืบหน้าในการก่อสร้าง ฝากความหวังและความต้องการเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างหมู่บ้านใหม่และภารกิจขจัดความยากจนภายหลังการย้ายถิ่นฐานของชาวบ้าน นอกจากนี้ นายสี จิ้นผิงยังนั่งร่วมกับครอบครัวหลี โหย่วจิน ซึ่งเป็นครอบครัวยากจนชนเผ่าถู พร้อมชมวีดิทัศน์ภาพหมู่บ้านเก่าที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน
ภาพความยากลำบากที่ชาวบ้านเคยประสบเนื่องจากสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยทั้งด้านดินฟ้าอากาศและภูมิศาสตร์ถูกถ่ายทอดให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านคลิปวิดีโอ เช่น การเดินทางเข้า-ออกหมู่บ้านที่ไม่สะดวก และการขาดแคลนน้ำใช้อย่างหนัก จนกระทั่ง ค.ศ. 2015 หมู่บ้านปันเย่นยังคงมี 129 ครัวเรือนอาศัยอยู่บนยอดเขาเหนือระดับน้ำทะเล 2,800 เมตร “พรรคและรัฐบาลจำต้องเอาใจใส่ประชาชนยากจนอย่างพวกคุณเป็นพิเศษ ให้พวกคุณมีชีวิตที่ดีด้วยการย้ายถิ่นฐาน” ปธน.สี จิ้นผิง กล่าวเช่นนี้กับครอบครัวหลี โหย่วจิน
การย้ายถิ่นฐานถือเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิผลเพื่อแก้ไขอุปสรรคและความยากลำบากในการขจัดความยากจน ระหว่างลงพื้นที่ตรวจงาน นายสี จิ้นผิง กล่าวชี้ว่า การย้ายถิ่นฐานต้องรับฟังความเห็นของบรรดาชาวนาอย่างเต็มที่ ให้พวกเขามีส่วนร่วมในการวางแผนหมู่บ้านใหม่ ขณะที่การสร้างสรรค์หมู่บ้านใหม่ต้องประสานเข้ากับการพัฒนาการผลิต การส่งเสริมการจ้างงาน การปรับปรุงระบบบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานให้มีความสมบูรณ์แบบ ตลอดจนการอนุรักษ์เอกลักษณ์ทางวิถีชนเผ่า ภูมิภาค วัฒนธรรม รวมทั้งทัศนียภาพ
ระหว่างที่นายสี จิ้นผิงกำลังเดินทางออกจากหมู่บ้านใหม่แห่งนี้ มวลชนเผ่าถูที่ทราบข่าวต่างพากันกรูเข้ามาส่ง มีเสียงเฮลั่นจากปากทางเข้า-ออกหมู่บ้าน
การมีที่อยู่อาศัยถือเป็นเงื่อนไขบังคับที่มาก่อนการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น
ที่บ้านใหม่ของจี๋ตี้เอ๋อจื่อ ชาวหมู่บ้านหัวผู่ ตำบลเจี่ยฟ่าง อำเภอเจาเจี๋ย ในเขตภูเขาลึกต้าเหลียงซาน มณฑลเสฉวน ที่บ้านของหลี่ ยิ่งชวน ชาวหมู่บ้านใหม่ฟู่หมิน ในเขตชาวอพยพอนุรักษ์ระบบนิเวศหวงฮวาทาน ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอกู่ลั่ง เมืองเวยอู่ มณฑลกันซู่ ที่บ้านของวัง เสี่ยนผิง ชาวชุมชนจิ่นผิง ตำบลเหล่าเสี้ยน อำเภอผิงลี่ มณฑลส่านซี ตลอดจนบ้านของมวลชนอื่น ๆ ที่เคยเดินทางไปเยี่ยมเยียน นายสี จิ้นผิงมักเดินตรวจอย่างละเอียดทั้งภายในและภายนอกบ้านอยู่เสมอด้วยความห่วงใยและเพื่อติดตามความคืบหน้าในการปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน
หมู่บ้านหัวผู่ ตำบลเจี่ยฟ่าง อำเภอเจาเจี๋ย ในเขตภูเขาลึกต้าเหลียงซาน มณฑลเสฉวน (บันทึกภาพด้วยโดรน วันที่ 28 ธันวาคม 2018)
“การดัดแปลงเขตกระท่อมเกี่ยวพันถึงความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนอันไพศาล”
วันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2014 ที่เมืองอาเอ๋อซาน จังหวัดซิงอาน เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ซึ่งตั้งอยู่เขตชายแดนทางทิศเหนือของจีน อุณหภูมิติดลบกว่า 30 องศาเซลเซียส สภาพแวดล้อมท้องถิ่นปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง
นายสี จิ้นผิงเดินทางฝ่าความหนาวเหน็บและหิมะหนามายังบ้านของกัว หย่งไฉ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ยากจน วัย 74 ปี ในตำบลอีเอ๋อซือ
เขาตรวจดูถ้ำใต้ดิน ข้าวของฉลองเทศกาลตรุษจีน จับผนังทำความร้อนเพื่อวัดระดับความอบอุ่น และนั่งลงบน “คั่งโถว” ซึ่งเป็นแท่นสี่เหลี่ยมใช้เป็นเตียงนอนทางภาคเหนือของจีน นายสี จิ้นผิงสอบถามสภาพการใช้ชีวิตของครอบครัวกัว หย่งไฉอย่างละเอียด เมื่อเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเขาและประชาชนคนอื่น ๆ ที่ค่อนข้างยากลำบาก นายสี จิ้นผิงจึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเร่งดัดแปลงเขตกระท่อมบริเวณนั้นและจัดวางตารางทำงานให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนได้อาศัยอยู่ในบ้านใหม่โดยเร็วที่สุด
หลังจากนั้นเมืองอาเอ๋อซานก็เริ่มปรับปรุงเขตกระท่อมขนานใหญ่ จากความกังวลเรื่องที่อยู่อาศัยไปสู่การย้ายถิ่นฐาน ครอบครัวกัว หย่งไฉได้รับการย้ายไปยังอาคารอยู่อาศัยที่สว่าง
มุมหนึ่งของเมืองอาเอ๋อซาน จังหวัดซิงอาน เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน (บันทึกภาพด้วยโดรน วันที่ 18 กรกฎาคม 2017)
“การดัดแปลงเขตกระท่อมเกี่ยวพันถึงความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนอันไพศาล เมืองของเราจะปล่อยให้ฟากหนึ่งเป็นอาคารสูง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเขตกระท่อมโกโรโกโส ไร้ระเบียบ สกปรก และย่ำแย่ไม่ได้”
ด้วยการเอาใจใส่และขับเคลื่อนโดยตรงจากนายสี จิ้นผิง ภารกิจการปรับปรุงเขตกระท่อมในท้องที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศจึงคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด
การดัดแปลงเขตกระท่อมได้ปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยของประชากรยากจนรวมถึงยกระดับสิ่งแวดล้อมในการอยู่อาศัยของประชาชนทั่วไป ระหว่าง ค.ศ. 2016 - 2019 จีนดำเนินการปรับปรุงเขตกระท่อมและสร้างบ้านใหม่รวม 21.57 ล้านยูนิต ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ประชากรจีนนับร้อยล้านคนย้ายออกจากเขตกระท่อมเพื่อเข้าไปอยู่ในอาคาร สานฝันการมีที่อยู่อาศัยที่ดี
“การให้เมืองคงไว้ซึ่งความทรงจำและให้ประชาชนจดจำความเป็นบ้านเกิดเมืองนอน”
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 บริเวณคูน้ำ “อยี้เหอ” ใน “เขตตงเฉิง” หรือ เขตเมืองตะวันออกของกรุงปักกิ่ง นายสี จิ้นผิงเดินเท้าสำรวจการฟื้นฟูคูน้ำและ “บ้านซื่อเหอย่วน” หรือ บ้านทรงสี่เหลี่ยม
ตรอก “อยี่เอ๋อ” บริเวณ “ซอยหนานลู๋กู่” กรุงปักกิ่ง (บันทึกภาพ วันที่ 25 กรกฎาคม 2019)
ซอย “อยี่เอ๋อ“ ซึ่งตั้งอยู่ข้าง ๆ คูน้ำอยี้เหอ เริ่มต้นจาก ”ซอยหนานลู๋กู่” ในทิศตะวันออกจรด “ตรอกตงปู้ย่าเฉียว” ในทิศตะวันตก นายสี จิ้นผิงเดินตรวจเยี่ยมตามทางเดินแคบ ๆ และเลี้ยวลดคดเคี้ยวในซอยแห่งนี้ นอกจากนี้ยังเดินเข้าไปในบ้านเก่าหมายเลข 29 และ 30 ตามลำดับ เพื่อเยี่ยมเยียนและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับหวัง หยุนฟ่ง และชาวบ้านคนอื่น ๆ รวม 4 ครัวเรือน
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า “ข้าพเจ้าคุ้นเคยตรอกซอยบริเวณนี้ดี มาวันนี้ก็เพื่อเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านเก่า และรับฟังความเห็นของพวกคุณในเรื่องการปรับปรุงเขตเมืองเก่า”
เมื่อได้ยินว่าสภาพที่อยู่อาศัยและการดำรงชีวิตของชาวบ้านได้รับการปรับปรุงดีขึ้นภายใต้ความเอาใจใส่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาล โดยเฉพาะการหุงหาอาหารด้วยก๊าซหุงต้มและการทำความร้อนด้วยพลังงานไฟฟ้า อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดให้เขตบ้านเก่าบริเวณนี้อยู่ในโครงการปรับปรุงซึ่งนายสี จิ้นผิงรู้สึกดีใจมาก
เขากล่าวว่า “การปรับปรุงเขตเมืองเก่าต้องตอบสนองความปรารถนาและความต้องการที่แตกต่างกัน ต้องทำงานมากมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงานลงลึกอย่างละเอียด ผู้คนทั้งหลายต้องเข้าใจและสนับสนุนให้มาก ร่วมกัน ช่วยเหลือรัฐบาลให้ดำเนินงานรับใช้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมด้วยดี”
ประเทศจีนทุกวันนี้กำลังอยู่ในกระบวนการมุ่งสู่ความเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ สภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยและการดำรงชีวิตของประชาชนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ควรทำอย่างไรเพื่อให้พบจุดสมดุลระหว่างความเป็นแบบดั้งเดิมกับความทันสมัยเล่า?
ย้อนกลับไปช่วงก่อนตรุษจีน ค.ศ. 2019 ขณะเยี่ยมเยียนเจ้าหน้าที่และประชาชนรากหญ้าในบริเวณเฉียนเหมินตะวันออก ซึ่งเป็นเขตเมืองเก่าของกรุงปักกิ่ง นายสี จิ้นผิง กล่าวประโยคหนึ่งที่มีความหมายลึกซึ้งว่า “ควรให้เมืองคงไว้ซึ่งความทรงจำและให้ประชาชนจดจำความเป็นบ้านเกิดเมืองนอน”
ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อากาศแจ่มใส แสงแดดของฤดูหนาวส่งความอบอุ่น เขตเฉียนเหมินตะวันออกเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของวิถีชีวิตและขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีเอกลักษณ์ของกรุงปักกิ่ง กล่าวคือ หลังประตูบ้านไม้สีแดงมีต้นไม้เก่าแก่ไม่กี่ต้นขึ้นอยู่ในลานสองข้าง แลไปรอบข้างเต็มไปด้วยโคมไฟสีแดงสด กลอนคู่ฉลองตรุษจีน และตัวอักษร “ฝู” ซึ่งมีความหมายว่า “ความสุข” นับเป็นบรรยากาศแห่งเทศกาลตรุษจีนที่เข้มข้นยิ่งนัก
ชาวกรุงปักกิ่งกำลังเดินเล่นในเขตพื้นที่สีเขียว “ซานหลี่เหอ” บริเวณ “เฉียนเหมิน” ตะวันออก ของกรุงปักกิ่ง (บันทึกภาพวันที่ 1 เมษายน 2019)
นายสี จิ้นผิงลงรถที่ทิศเหนือของซอยเฉาฉ่างซื่อเถียว เดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยก้อนหินสีเทา เขาอวยพรปีใหม่แก่เพื่อนบ้านเก่า ร่วมกันติดกระดาษที่มีตัวอักษร “ฝู” ห่อเกี๊ยว ทอดขนม “เกอชา” และพูดคุยเล่าสู่กันฟังอย่างเป็นกันเอง พร้อมเล่าถึงความคิดที่มีมาตลอดของตนเองว่า
“ข้าพเจ้าคิดมาตลอดว่า เราควรบริหารจัดการหูถง (ตรอกซอกซอยในกรุงปักกิ่ง) ของเราอย่างไรดี ถ้าคงไว้เช่นสภาพเดิมจะมีปัญหาใช้ชีวิตไม่สะดวกสบาย ถ้าจะปรับปรุงก็เป็นเรื่องสลับซับซ้อนมาก เวลานี้ดูเหมือนเทศบาลกรุงปักกิ่งค้นพบวิธีการที่ดีบางอย่าง ในอนาคตถ้าสามารถปรับปรุงหูถงให้เป็นแบบนี้ได้ก็ถือว่าดีจริง ๆ เลย แต่ก็ต้องถามบรรดาเพื่อนบ้านเก่าว่ายินดีหรือไม่”
นายสี จิ้นผิง กล่าวเน้นว่า ต้องประสานการปรับปรุงยกระดับเขตเมืองเก่ากับการอนุรักษ์โบราณสถานทางประวัติศาสตร์และการสืบทอดอดีตอย่างเป็นเอกภาพ ต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของประชาชนให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังต้องอนุรักษ์มรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ให้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมรวมเข้ากับชีวิตยุคปัจจุบันอย่างกลมกลืน
การอนุรักษ์ตรอกซอกซอย ทะนุถนอมเมือง มีบ้านพักที่อยู่เย็นเป็นสุข จดจำความเป็นบ้านเกิดเมืองนอนซึ่งเป็นรากฐานของการก่อร่างสร้างตัว ตามรอยเท้าของนายสี จิ้นผิง ความฝันแห่งการมีที่อยู่อาศัยที่ดีของประชาชนจีนกำลังกลายเป็นจริงขึ้นทุกขณะ
TIM/LU