ตั้งแต่ย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา สถานการณ์ประเทศเมียนมาเป็นที่สนใจกันของทั่วโลก ฝ่ายต่าง ๆ พากันออกเสียง มีเสียงประณาม เสียงคว่ำบาตร และเสียงกังวล เป็นต้น นักวิเคราะห์เห็นว่า การส่งเสริมให้ฝ่ายต่าง ๆ ในเมียนมาเจรจาพูดคุยกัน จะมีส่วนช่วยต่อการแก้ไขวิกฤตในปัจจุบัน และจะช่วยให้สถานการณ์เมียนมาพัฒนาไปสู่ทิศทางที่ดี
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และหัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติ (เอ็นแอลดี) นายอู วิน มินต์ ประธานาธิบดีเมียนมา และบุคคลสำคัญพรรคสันติบาตแห่งชาติถูกกองทัพเมียนมาจับกุม ต่อมา กองทัพเมียนมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี เพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยมอบอำนาจให้แก่พลเอกมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเมียนมา
ความขัดแย้งระหว่างกองทัพกับพรรคสันนิบาตแห่งชาติเกิดขึ้นเนื่องจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 โดยพรรคสันนิบาตแห่งชาติคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่กองทัพเมียนเห็นว่าการเลือกตั้งดังกล่าวมีการโกงคะแนนเสียงและทุจริต จึงเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดการตรวจสอบ เนื่องจากกองทัพไม่พอใจต่อการตอบสนองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงใช้ปฏิบัติการดังกล่าว
ปัจจุบัน สถานการณ์เมียนมาสลับซับซ้อนและน่ากังวลอย่างยิ่ง โดยมีการชุมนุมประท้วงต่อต้านกองทัพในหลายเมืองทั่วเมียนมา ฝ่ายตำรวจกับพลเมืองเกิดการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์เมียนมา โดยระบุว่า ในเวลานี้ต้องประกันการคุ้มครองประชาชนเมียนมา และสิทธิขั้นพื้นฐานของพวกเขา ต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ความรุนแรงลุกลามออกไป
ด้านคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติมีการประชุมวาระพิเศษเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นายเฉิน ซี่ว์ เอกอัครราชทูตจีนประจำคณะผู้แทนเจนีวาของจีนระบุในที่ประชุมดังกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในเมียนมาเป็นกิจการภายในของเมียนมา ประชาคมโลกควรเคารพอธิปไตย เอกราชทางการเมือง บูรณภาพเหนือดินแดน และเอกภาพแห่งชาติของเมียนมา ช่วยเหลือให้ฝ่ายต่าง ๆ ของเมียนมาเจรจาและพูดคุยกันอย่างสันติ เพื่อเจตจำนงและประโยชน์ของประชาชนเมียนมา จีนสนับสนุนอาเซียนและทูตพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเกี่ยวกับเรื่องเมียนมาแสดงบทบาทไกล่เกลี่ย จีนหวังว่า ฝ่ายต่าง ๆ ในเมียนมาจัดการเจรจาพูดคุยเพื่อขจัดความขัดแย้งกันอย่างเหมาะสมในกรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และรักษาเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมในเมียนมา ตลอดจนสันติสุขและความปรองดอง โดยต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุว่า สถานการณ์เมียนมาน่ากังวลอย่างยิ่ง ต้องเคารพเสรีภาพในการประท้วงอย่างสันติของประชาชนเมียนมา เลขาธิการอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เรียกร้องให้ผู้นำกองทัพเมียนมาเคารพเจตจำนงของประชาชน และยึดมั่นในบรรทัดฐานประชาธิปไตย โดยแก้ไขความแตกต่างใด ๆ ผ่านการเจรจาพูดคุยอย่างสันติ
ด้านประเทศตะวันตกได้พากันเพิ่มแรงกดดันต่อเมียนมา โดยนิวซีแลนด์เริ่มประกาศคว่ำบาตรผู้นำกองทัพเมียนมาเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ต่อมา สหรัฐฯ อังกฤษ และแคนาดา เป็นต้นต่างประกาศคว่ำบาตรกองทัพเมียนมาตามลำดับ
ด้านประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งเป็นประเทศรอบข้างของเมียนมาใช้ท่าทีแตกต่างกับฝ่ายตะวันตก ส่วนใหญ่เห็นว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นกิจการภายในของเมียนมา เร่งรัดให้ฝ่ายต่าง ๆ ในเมียนมายับยั้งชั่งใจ และปฏิบัติตามกฎหมาย อาเซียนยังได้ออกแถลงการณ์ประธานเกี่ยวกับสถานการณ์เมียนมาซึ่งมีสาระสำคัญว่า อาเซียนระลึกถึงวัตถุประสงค์และหลักการที่ปรากฏในกฎบัตรอาเซียน รวมถึงการยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย หลักนิติธรรม และธรรมาภิบาล การเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และย้ำว่า ความมั่นคงทางการเมืองในประเทศสมาชิกอาเซียนมีความสำคัญต่อการบรรลุประชาคมอาเซียนที่สงบสุข มั่นคง และมั่งคั่ง ทั้งยังสนับสนุนให้ดำเนินการเจรจาปรองดองและการกลับคืนสู่สภาวะปกติตามเจตจำนงและผลประโยชน์ของประชาชนเมียนมา
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายทีโอโดโร ล็อกซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์เมียนมาว่า ประเทศตะวันตกนั่นเองที่ก่อให้เกิดวิกฤตการเมืองในเมียนมา ฝ่ายตะวันตกสนใจน้ำมันปิโตรเลียมและแก๊สธรรมชาติในเมียนมา พวกเขาไม่สนใจเสรีภาพของเมียนมาหรอก พวกเขาหมายจะฉีกเมียนมาให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เพื่อได้รับน้ำมันและแก๊สในเมียนมา
ประเทศไทยกับเมียนมามีพรมแดนติดต่อยาว 1,800 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับท่าทีของไทยต่อสถานการณ์เมียนมาในปัจจุบันว่า ประเทศไทยมีท่าทีสอดคล้องกับประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศไทยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เป็นมิตรที่หวังดีและมีความห่วงใยซึ่งกันและกัน ประเทศเราทั้งสองยึดหลักการว่า ความมั่นคงและมั่งคั่งของเมียนมาคือความมั่นคงและมั่งคั่งของประเทศไทย ด้วยเหตุนี้สันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมาจึงสำคัญต่อประเทศไทยอย่างมาก ประเทศไทยหวังว่าสถานการณ์จะได้รับการแก้ไขด้วยสันติวิธี ด้วยการพูดคุยและกลับสู่ปกติในเร็ววัน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวเมียนมา
นายสุธิชัย หยุ่น อดีตประธานกรรมการ เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ปของไทยระบุว่า ประเทศไทยควรแสดงบทบาทความเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเพื่อให้ฝ่ายต่าง ๆ ของเมียนมาเจรจาพูดคุยกัน
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายเฉิน ไห่ เอกอัครราชทูตจีนประจำเมียนมาได้ตอบคำถามของสื่อเมียนมาผ่านลายลักษณ์อักษร โดยระบุว่า ประชาคมโลกควรใช้ปฏิบัติการที่มีส่วนช่วยต่อเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมของเมียนมา หลีกเลี่ยงทำให้ความขัดแย้งในเมียนมาทวีความรุนแรง ปัจจุบัน เรื่องที่สำคัญที่สุดของเมียนมาคือ ฝ่ายต่าง ๆ ร่วมแรงร่วมใจแสวงหาทางที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขวิกฤตทางการเมือง เจรจาพูดคุยกัน เพื่อขจัดความขัดแย้งกัน และให้การเมืองของเมียนมากลับคืนสู่ปกติ(Yim/Zhou)