วันที่ 22 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่น การประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติครั้งที่ 46 เริ่มขึ้นที่ที่ทำการสหประชาชาติ ประจำกรุงเจนีวา นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวคำปราศรัยโดยชี้ให้เห็นว่า การไม่มีวัคซีนต้านโควิด-19 ใช้อย่างเสมอภาคนั้น เป็นปัญหาใหม่ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ เขากล่าวว่า
“สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งคือ ความเสมอภาคในเรื่องของวัคซีน มี 10 ประเทศที่ได้ใช้วัคซีนต้านโควิด-19 คิดเป็นสัดส่วน 75% ของวัคซีนทั้งหมด ความเสมอภาคของวัคซีนก็คือการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน วัคซีนชาตินิยมคือการมองข้ามสิทธิมนุษยชน วัคซีนต้องเป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะทั่วโลก ที่ทุกๆ คนสามารถเข้าถึง”
นายวอลคัน โบซกีร์ (Volkan Bozkir) ประธานการประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งที่75 กล่าวคำปราศรัยในพิธีเปิดว่าภายใต้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก การส่งเสริมการคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เขากล่าวว่า
“มาตรการรับมือทั้งหมดที่เจาะจงต่อการระบาดของโควิด-19นั้น น่าจะถือสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก และส่งเสริมการคุ้มครองต่อพลเรือน รวมถึงกลุ่มอ่อนแอที่สุดที่ต้องการการดูแล การกระจายวัคซีนต้านโควิดอย่างเสมอภาคสำหรับทุกคน สิ่งที่สำคัญยิ่งคือต้องส่งเสริมให้องค์กรและหน่วยงานภาคเอกชน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทั้งหมด เข้าร่วมในโครงการและเสนอข้อมูลเพื่อการประเมินผล ”
ด้านนางมิเชล บาเชเลต์ (Michelle Bachelet) ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติกล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 จะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะสิ้นสุดลง และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและชีวิตประชาชนทั่วโลกในช่วงต้นเท่านั้น แต่ความยากจนที่เพิ่มขึ้นและความไม่เสมอภาคทั่วโลกจะรุนแรงยิ่งขึ้น สิทธิสตรี การเสนอโอกาสทางการศึกษาและโอกาสการมีงานทำต่อเด็กและเยาวชน ตลอดจนผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ล้วนมีปัญหาและอุปสรรคซึ่งชาวโลกต้องร่วมมือกันเพื่อรับมือกับการท้าทายนี้
(Bo/Lin/Yanzi)