จีนอธิบายจุดยืนระหว่างเริ่มหารือเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงกับสหรัฐฯ

2021-03-19 15:07:03 | CRI
Share with:

จีนอธิบายจุดยืนระหว่างเริ่มหารือเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงกับสหรัฐฯ_fororder_20210319dh1

สำนักข่าวซินหวา รายงานเมื่อวันที่ 18 มีนาคมว่า วันเดียวกัน นายหยาง เจี๋ยฉือ กรรมการกรมการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการงานต่างประเทศ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน จัดการหารือยุทธศาสตร์ระดับสูงระหว่างจีน-สหรัฐฯ กับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และนายเจค ซัลลิแวน ผู้ช่วยด้านกิจการความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีที่เมืองแองเคอเรจของสหรัฐฯ

จีนอธิบายจุดยืนระหว่างเริ่มหารือเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงกับสหรัฐฯ_fororder_20210319yjc1

หลังจากสหรัฐฯ ประกาศเปิดประชุมแล้ว นายหยาง เจี๋ยฉือ ได้กล่าวก่อนโดยเขาเน้นว่า วันส่งท้ายปีเก่าตามปฏิทินจันทรคติของจีน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าควรกระชับการประสานงาน ควบคุมจุดต่าง และขยายความร่วมมือ ซึ่งสำคัญต่อการกำหนดทิศทางพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ในอนาคต เวลานี้จีนเดินทางมายังเมืองแองเคอเรจเพื่อเข้าร่วมหารือฯ เป็นมาตรการสำคัญเพื่อปฏิบัติตามความรับรู้ร่วมกันของผู้นำทั้งสองประเทศ และเป็นการตัดสินใจของผู้นำทั้งสองประเทศด้วย ประชาชนสองฝ่ายและประชาคมโลกล้วนหวังว่า การหารือครั้งนี้จะมีผลสำเร็จอย่างแท้จริง

นายหยาง เจี๋ยฉือ กล่าวว่า จีนหวังว่าการหารือครั้งนี้จะมีความจริงใจและเปิดเผย จีน-สหรัฐฯ ล้วนเป็นมหาประเทศบนโลก ต้องมีความรับผิดชอบต่อสันติภาพ เสถียรภาพ รวมถึงการพัฒนาส่วนภูมิภาคและโลก จีนเพิ่งจัดการประชุมสองสภาฯ และผ่านแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 รวมทั้งหลักการเป้าหมายระยะยาว ปี 2035 ปัจจุบัน จีนกำลังอยู่ในช่วงมุ่งสู่เป้าหมาย “100 ปี” สองเป้าหมาย นั่นก็คือ จะมีความทันสมัยขั้นพื้นฐานในปี 2035 และจะสร้างประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยในปี 2050 จีนประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านการต้านโควิด-19 ได้รับชัยชนะในการขจัดความยากจน มีความคืบหน้าเชิงประวัติศาสตร์ในการสร้างสังคมมั่งคั่งระดับปานกลาง ประชาชนจีนจะมีความสามัคคีภายใต้การนำของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีนายสี จิ้นผิงเป็นแกนนำ

นายหยาง เจี๋ยฉือ กล่าวชี้ว่า จีนยืนหยัดค่านิยมร่วมของมนุษยชาติที่มีสันติภาพ การพัฒนา ความเที่ยงธรรม ความยุติธรรม ประชาธิปไตย และเสรีภาพ ยืนหยัดพิทักษ์ระบบสากลที่มีสหประชาชาติเป็นแกนนำ และระเบียบสากลที่ถือกฎหมายสากลเป็นพื้นฐาน ไม่ใช่ระเบียบที่กำหนดโดยประเทศส่วนน้อย ประเทศส่วนใหญ่บนโลกใบนี้จะไม่ยอมรับแนวคิดสหรัฐฯ เป็นค่านิยมสากล และจะไม่ยอมรับสิ่งที่สหรัฐฯ ระบุโดยยึดเป็นมติสากล ตลอดจนไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ที่กำหนดโดยประเทศส่วนน้อยเป็นกฎเกณฑ์สากล

สหรัฐฯ มีประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯ จีนมีประชาธิปไตยแบบจีน จีนยืนหยัดเดินบนหนทางแห่งสันติภาพและการพัฒนา ใช้ความพยายามเพื่อรักษาสันติภาพและการพัฒนาของโลกรวมถึงส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งรักษาหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติอย่างไม่ลดละ ไม่เหมือนกับสหรัฐฯ ที่ใช้กำลังอาวุธ ทำให้โลกปั่นป่วนและไม่มั่นคง

สหรัฐฯ มีปัญหาสิทธิมนุษยชนมากมาย สิ่งที่สหรัฐฯ ควรทำ คือ เปลี่ยนภาพลักษณ์ตนเอง จัดการปัญหาภายในประเทศด้วยดี ไม่โทษฝ่ายอื่นในเมื่อยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาของตนให้เรียบร้อยได้ รวมทั้งไม่ควรกล่าวหาสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของจีน การนำของพรรคคอมมิวนิสต์และระบบการเมืองของจีนได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจีนอย่างมาก การกระทำใดที่มุ่งเปลี่ยนระบบสังคมของจีนย่อมจะไม่ได้ผล

นายหยาง เจี๋ยฉือ กล่าวเน้นว่า จีน-สหรัฐฯ ต่างเป็นประเทศใหญ่ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกันด้านต่าง ๆ รวมทั้งการต้านโควิด-19 ฟื้นฟูการทำงาน การผลิต และการรับมือสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงไป หวังว่าสหรัฐฯ จะเปลี่ยนแนวคิดเก่าและเลิกการกระทำผิดพลาด อย่าสร้างอุปสรรคแก่การติดต่อสัมพันธ์ทางการค้าที่เป็นปกติระหว่างกันฝ่ายโดยอ้างปัญหาความมั่นคงของรัฐ จีน-สหรัฐฯ ควรพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและควรมีหุ้นส่วนร่วม ทั้งนี้ เป็นทิศทางที่ถูกต้องในศตวรรษที่ 21 ไต้หวัน ฮ่องกง และซินเจียง ล้วนเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนที่ไม่อาจแยกจากกันได้ สหรัฐฯ ไม่มีสิทธิ์พูดคุยกับจีนโดยวางฐานะเหนือกว่า การติดต่อสัมพันธ์กับจีน ต้องดำเนินไปบนพื้นฐานให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ประวัติศาสตร์จะพิสูจน์ได้ว่า การใช้วิธีกดดันจีนย่อมจะส่งผลกระทบต่อตัวเองในที่สุด

นายหยาง เจี๋ยฉือ กล่าวว่า ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ มีผลสำเร็จมากมายหลังจากสองฝ่ายดีต่อกัน ทั้งนี้ เป็นผลจากการใช้ความพยายามร่วมกันของทั้งสองประเทศ ปัจจุบัน สถานการณ์โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ภายใต้สถานการณ์ใหม่ สองประเทศควรเสริมการติดต่อสัมพันธ์ จัดการข้อขัดแย้งอย่างเหมาะสม พยายามผลักดันความร่วมมือ และหลีกเลี่ยงการเป็นปฏิปักษ์ จีน-สหรัฐฯ เคยมีช่วงที่เป็นปฏิปักษ์ ซึ่งจีนได้ผ่านพ้นจากช่วงนั้นแล้ว ความจริงพิสูจน์ให้เห็นว่า การเป็นปฏิปักษ์ไม่เป็นผลดีต่อสหรัฐฯ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ชี้ให้เห็นว่า จีน-สหรัฐฯ ควรบรรลุการไม่ปะทะกัน ไม่เป็นปฏิปักษ์กัน ให้ความเคารพแก่กันและกัน ดำเนินความร่วมมือและได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จีน-สหรัฐฯ ไม่ควรปะทะกันหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน สองฝ่ายควรปฏิบัติตามความเห็นพ้องต้องกันของผู้นำสองประเทศอย่างรอบด้าน ทำให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ กลับสู่หนทางที่พัฒนาด้วยดีอย่างมีเสถียรภาพ

Tim/Ping+Sun/Cai

  • เสียงข่าวประจำวัน (16-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (15-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (15-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (15-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (14-11-2567)

许平平