วันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยจี้หนานของจีนประกาศ “รายงานสภาพการทำงานของชาวซินเจียงในต่างมณฑล” โดยได้ดำเนินการวิจัยต่อ 5 บริษัทที่มีการรับจ้างแรงงานชนเผ่าน้อยจากเขตซินเจียง และสัมภาษณ์แรงงานชนเผ่าน้อยจากเขตซินเจียงจำนวน 70 คน
รายงานดังกล่าวระบุว่า การไปทำงานต่างถิ่น เป็นการเลือกโดยสมัครใจของชาวซินเจียง และเป็นอีกหนึ่งหนทางสู่ชีวิตทีดีงามยิ่งขึ้นของชาวซินเจียงด้วย ไม่เคยมีปัญหาที่เรียกว่า "การบังคับใช้แรงงาน" ตามคำกล่าวหาของบางประเทศในซีกโลกตะวันตก
เขตซินเจียง เคยเป็นพื้นที่เกิดเหตุก่อการร้ายบ่อยครั้ง ประกอบปัจจัยทางประวัติศาสตร์และเงื่อนไขทางธรรมชาติ จึงทำให้เขตซินเจียงพัฒนาค่อนข้างล่าช้า ดังนั้น รัฐบาลจีนมีการดำเนินนโยบายในเขตซินเจียงอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางสังคม การพัฒนาทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนชนเผ่าต่างๆในเขตซินเจียง
ทั้งนี้ นโยบายประกันการทำงานมีบทบาทสำคัญยิ่งในการช่วยเหลือชาวซินเจียงพ้นจากความยากจน ขณะเดียวกัน งานพิทักษ์สิทธิมนุษยชนทุกด้านก็เป็นไปด้วยดี เขตซินเจียงไม่เกิดเหตุก่อการร้ายติดต่อเป็นเวลา 4 ปี และระหว่างปี ค.ศ. 2010-2018 จำนวนประชากรชนเผ่าอุยกูร์เพิ่มขึ้นจาก 10,171,500 คน เป็น 12,718,400 คน เพิ่มขึ้น 25.04% และเมื่อปี 2020 เขตซินเจียงก็ได้บรรลุซึ่งการพ้นจากความยากจนอย่างรอบด้านเช่นกัน
นาย Maxime Vivas นักเขียนชาวฝรั่งเศสเคยเดินทางมายังเขตซินเจียงของจีน เขากล่าวว่า เขาได้ไปชมมัสยิดขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับได้ 10,000 คนที่เมืองคาสือ ได้เห็นพ่อครัวปรุงอาหารฮาลาลในพื้นที่ต่างๆ ได้สัมผัสวัฒนธรรมชนเผ่าอุยกูร์ในทุกซอกทุกมุมของซินเจียง
การที่ประชาชนจีนทั่วไปรวมถึงประชาชนเขตซินเจียงสามารถดำรงชีวิตอย่างสงบสุข นั่นก็เพราะรัฐบาลจีนได้พิทักษ์และส่งเสริมสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจังมาโดยตลอด ตัวอย่างเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า จีนได้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนอย่างดียิ่งจริง
(Yim/Zi)