วันที่ 14 เมษายน นายเจ้า ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกร้องให้ญี่ปุ่นพิจารณาเรื่องการปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีลงทะเลอีกครั้ง
นายเจ้า ลี่เจียน ตอบคำถามของสื่อมวลชนที่ถามว่าจีนมีความคิดเห็นอย่างไรต่อคำวิจารณ์ของเกาหลีใต้ รัสเซีย และคณะกรรมการสหภาพยุโรปต่อการตัดสินใจที่จะปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีลงทะเลของญี่ปุ่น
นายเจ้า ลี่เจียน กล่าวว่า จีนเร่งรัดให้ญี่ปุ่นต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบ ยึดหลักทางวิทยาศาสตร์ ปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ และตอบรับความกังวลอย่างมากของประชาคมโลก และประเทศเพื่อนบ้านตลอดจนประชาชนภายในประเทศ
นายเจ้า ลี่เจียน ยังอ้างการรายงานข่าวของสื่อญี่ปุ่นว่า ปฏิบัติการปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีลงทะเลจะเริ่มขึ้นในสองปีข้างหน้า จะดำเนินการต่อเนื่องนาน 30 ปี ตามแผนที่กำหนดไว้ของญี่ปุ่น น้ำปนเปื้อนที่จะปล่อยลงทะเลมีปริมาณกว่าหนึ่งล้านตัน ทำให้ปฏิบัติการปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีลงทะเลในครั้งนี้มีปริมาณน้ำปนเปื้อนมาก ดำเนินการเป็นเวลานาน ครอบคลุมพื้นที่กว้าง และมีความเสี่ยงสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นายเจ้า ลี่เจียนได้ตั้งคำถาม 3 ประเด็นต่อรัฐบาลญี่ปุ่น คำถามแรกคือฝ่ายญี่ปุ่นได้รับฟังเสียงข้อสงสัย และความกังวลจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศหรือไม่?
นายเจ้า ลี่เจียน ชี้ว่า วันที่ 13 เมษายน มีการชุมนุมประท้วงในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น รวมทั้งกรุงโตเกียว และฟุกูชิมะ นอกจากจีน เกาหลีใต้ รัสเซีย และสหภาพยุโรป กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 311 กลุ่ม ก็ได้แสดงท่าทีคัดค้านอย่างเด็ดขาดต่อการตัดสินใจของฝ่ายญี่ปุ่น กรีนพีซญี่ปุ่นระบุว่า ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะมีเทคโนโลยีและความพร้อมที่จะสร้างถังเก็บน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีมากขึ้น แต่ญี่ปุ่นกลับเลือกปล่อยน้ำปนเปื้อนลงไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก การตัดสินใจของฝ่ายญี่ปุ่นไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศจึงเป็นการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม
คำถามที่สอง การตัดสินใจของญี่ปุ่นสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่?
นายเจ้า ลี่เจียน กล่าว่า การตัดสินของญี่ปุ่นที่จะปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีลงทะเล หลังเกิดเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ร้ายแรง เป็นการสร้างแบบอย่างที่ไม่มีความรับผิดชอบ ญี่ปุ่นในฐานะประเทศภาคีของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ควรรู้ถึงข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของอนุสัญญาฉบับนี้ที่ระบุไว้ว่า ทุกประเทศต้องใช้มาตรการที่จำเป็น เพื่อประกันไม่ให้มลภาวะที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุหรือกิจการบางอย่างภายในพื้นที่ที่ตนกำกับดูแล หรือควบคุมอยู่ ลามไปถึงพื้นที่นอกอธิปไตยของตน
นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังต้องปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศต่างๆ เช่น แจ้งข้อมูลข่าวสารให้ทราบ และมีการปรึกษาหารืออย่างรอบด้านกับประชาคมโลก อีกทั้งต้องทำการประเมินและสำรวจสภาพแวดล้อม ใช้มาตรการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงให้ต่ำสุด ญี่ปุ่นได้ปฏิบัติพันธกรณีระหว่างประเทศดังกล่าวหรือยัง ?
คำถามที่สาม น้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ญี่ปุ่นจะปล่อยลงทะเลนั้นสอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศจริงหรือ?
นายเจ้า ลี่เจียนกล่าวว่ารายงานจากคณะผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ระบุอย่างชัดเจนว่า น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วของญี่ปุ่นนอกจากจะปนเปื้อนทริเทียม (tritium)แล้ว ยังปนเปื้อนสารรังสีชนิดอื่นด้วย
นายเจ้า ลี่เจียน เน้นว่า ทะเลไม่ใช่ถังขยะของญี่ปุ่น มหาสมุทรแปซิฟิกไม่ใช่ท่อระบายน้ำเสียของญี่ปุ่น ญี่ปุ่นไม่ควรให้ทั่วโลกมารับผิดชอบการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีของญี่ปุ่น จีนสงวนสิทธิ์ที่จะใช้ปฏิบัติการที่รุนแรงมากขึ้นต่อการนี้ (bo/cai)