หลายวันมานี้การปะทะอย่างดุเดือดระหว่างกองกำลังติดอาวุธในฉนวนกาซาของปาเลสไตน์และกองทัพอิสราเอลทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน และประชาคมโลกมีความกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์ดังกล่าว

นักวิเคราะห์ชี้ว่า การปะทะระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในครั้งนี้เกิดขึ้นน้อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา   หากดูจากสถานการณ์ในขณะนี้ แม้สหรัฐฯ จะใช้สองมาตรฐานเข้าข้างฝ่ายอิสราเอล ส่งผลกระทบต่อกระบวนการไกล่เกลี่ยของประชาคมโลก แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นไม่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย จึงมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุการหยุดยิงในเร็วๆ นี้ 

นับตั้งแต่เดือนรอมฎอน กลางเดือนเมษายนเป็นต้นมา   เกิดการปะทะระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลหลายครั้ง  เมื่อวันที่ 7 และ วันที่ 10 พฤษภาคม  เกิดการปะทะรุนแรงระหว่างชาวปาเลสไตน์และตำรวจอิสราเอลที่บริเวณเนินวิหารในเมืองเก่าของเยรูซาเลม ทำให้เกิดการสู้รบระหว่างกองกำลังติดอาวุธของปาเลสไตน์ในฉนวนกาซากับกองทัพอิสราเอล   สื่อรายงานว่าจนถึงเช้าตรู่วันที่ 15 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่น  กองกำลังติดอาวุธของปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาได้ยิงจรวด กว่า 2,000 ลูกไปยังอิสราเอล เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในฝั่งอิสราเอลอย่างน้อย 8 ราย บาดเจ็บกว่า 100 คน  ด้านหน่วยงานสาธารณสุขของปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาเปิดเผยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมว่า การโจมตีทางอากาศและการระดมยิงปืนใหญ่ของอิสราเอลทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 126 ราย บาดเจ็บ 950 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิต ประกอบด้วยเด็ก 31 รายและสตรี  20 ราย

ขณะนี้การปะทะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง   ทั้งสองฝ่ายยังคงแสดงท่าทีแข็งกร้าว  นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลกล่าวเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมว่า  อิสราเอลจะโจมตีกลุ่มฮามาสและกองกำลังติดอาวุธอื่นในฉนวนกาซาอย่างหนักต่อไป  ขณะที่เมื่อค่ำวันที่ 13 พฤษภาคม กลุ่มฮามาสเตือนกองทัพอิสราเอลว่า  อย่าใช้ปฏิบัติการโจมตีทางภาคพื้นดิน มิฉะนั้นจะได้รับการสอนบทเรียนที่โหดร้ายที่สุด   นอกจากนี้กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่าช่วงหลายวันมานี้   มีจรวดถูกยิงเข้ามาในอิสราเอลจำนวนมาก จากประเทศเลบานอน และซีเรีย   ซึ่งทำให้ประชาคมโลกมีความกังวลว่า การปะทะจะลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง 

ศาสตราจารย์จิง หรง ของสถาบันวิจัยตะวันออกกลาง แห่งมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศเซี่ยงไฮ้ แสดงความคิดเห็นว่า การปะทะในครั้งนี้ครอบคลุมปัญหาละเอียดอ่อนหลายประเด็น เช่น ดินแดน   การตั้งถิ่นฐานของชาวยิว   ใครเป็นเจ้าของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสิทธิทางศาสนา อีกทั้งยังเกิดขึ้นในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนมาก  ปัจจัยต่างๆ ที่ทับซ้อนกันเหล่านี้ทำให้การปะทะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว 

วันที่ 14 พฤษภาคม  นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติออกคำแถลง  โดยเรียกร้องให้ปาเลสไตน์และอิสราเอลยุติการปะทะทันที   และย้ำว่า ต้องแก้ไขความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลบนพื้นฐานของมติที่เกี่ยวข้องของสหประชาชาติ  กฎหมายระหว่างประเทศ และข้อตกลงทวิภาคี

จีนในฐานะประเทศประธานหมุนเวียนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในเดือนพฤษภาคมได้ขับเคลื่อนให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดประชุมฉุกเฉินสองครั้ง เพื่อหารือในปัญหาการปะทะระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอล  แต่เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวที่คัดค้าน  คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไม่สามารถออกแถลงการณ์หลังการประชุมในวันที่ 10 พฤษภาคม ต่อมาในวันที่ 12 พฤษภาคม  สหรัฐฯ ยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามของประชาคมโลกอีกครั้ง โดยขัดขวางไม่ให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการปะทะระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอล     

อย่างไรก็ตามคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะจัดการประชุมอีกครั้งในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้เพื่อหารือในปัญหาปาเลสไตน์และอิสราเอลต่อไป  มีสื่ออ้างคำพูดของผู้เชี่ยวชาญรายงานว่าสหรัฐฯเคยคัดค้านการจัดประชุมในวันที่ 16    ด้วยเหตุนี้นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งจึงเห็นว่า  การประชุมครั้งนี้อาจยากที่จะเกิดแถลงการณ์

สื่อมวลชนหลายสำนักชี้ว่า ก่อนหน้านี้  สหรัฐฯได้เข้าข้างอิสราเอลในประเด็นปัญหาสำคัญต่างๆ เช่น  ความเป็นเจ้าของเมืองเยรูซาเลม   ความชอบธรรมในการตั้งถิ่นฐานของชาวยิว   ทั้งนี้ทำให้ชาวปาเลสไตน์รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง  แม้สหรัฐฯจะพูดเสมอว่าให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิม  แต่ขณะนี้การปะทะระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ทำให้ชาวมุสลิมในปาเลสไตน์จำนวนมากได้รับผลกระทบและตกอยู่ในภาวะยากลำบากมาก  แต่สหรัฐฯไม่เพียงแต่ไม่สนใจในความเป็นความตายของพวกเขา หากยังมาขัดขวางไม่ให้ประชาคมโลกเข้าไปไกล่เกลี่ย    การกระทำที่ใช้สองมาตรฐานของสหรัฐฯเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหน้าซื่อใจคดของนักการเมืองสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประชาคมโลกยังคงใช้ความพยายามเพื่อลดความร้อนแรงของสถานการณ์ระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอล   สื่ออิสราเอลรายงานเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมว่า กลุ่มฮามาสได้ยอมรับแผนหยุดยิงที่เสนอโดยผู้เจรจาไกล่เกลี่ยแล้ว    แต่แผนดังกล่าวถูกฝ่ายอิสราเอลปฏิเสธ   นักวิเคราะห์แสดงความเห็นว่า อิสราเอลคงต้องการทำลายความสามารถทางทหารของกลุ่มฮามาสและกองกำลังติดอาวุธอื่นของปาเลสไตน์มากขึ้น แต่การปะทะที่ทวีความรุนแรงขึ้นไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย  จึงคาดการณ์ได้ว่า ทั้งสองฝ่ายอาจบรรลุการหยุดยิงในเร็วๆ นี้

(bo/cai)