ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2013 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้เดินทางเยือนประเทศอุซเบกิสถาน และได้ไปเยี่ยมชมเมืองซามาร์คันด์ เมืองโบราณเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ 2,500 ปีในภูมิภาคเอเชียกลาง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายอิสลาม คาริมอฟ ประธานาธิบดีอุซเบกิสถานในสมัยนั้น ถึงประวัติศาสตร์การแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างชนเผ่าตามเส้นทางสายไหมสมัยโบราณ ร่วมปรึกษาหารือส่งเสริมการไปมาหาสู่กันด้านบุคลากรและวัฒนธรรมระหว่างประชาชนจีนกับเอเชียกลาง

ครึ่งปีต่อมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้กล่าวปราศรัยที่สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโกของสหประชาชาติ เอ่ยถึงการเดินทางเยือนอุซเบกิสถานครั้งนั้น และได้อภิปรายถึงความเห็นและข้อเสนอต่อการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมว่า “ข้าพเจ้าเคยไปเยือนพื้นที่ต่างๆ หลายที่ของโลกนี้ และเรื่องที่ข้าพเจ้าสนใจที่สุดก็คือทำความรู้จักกับอารยธรรมที่มีความแตกต่างกันของ 5 ทวีป รับรู้ถึงความโดดเด่นพิเศษของอารยธรรมดังกล่าว ตลอดจนเข้าใจในวิสัยทัศน์และค่านิยมของผู้คนที่ดำรงอยู่ในอารยธรรมที่ต่างกัน ข้าพเจ้าเคยไปถึงโบราณสถานชิเชนอิตซา ที่เป็นตัวแทนอารยธรรมมายาโบราณ แล้วก็เคยไปถึงเมืองโบราณซามาร์คันด์ ที่เต็มไปด้วยสีสันของอารยธรรมอิสลาม การเดินทางต่างๆทำให้ข้าพเจ้าประทับใจยิ่ง และรู้ว่าหากต้องการเข้าใจแก่นแท้ของอารยธรรมอื่น จำเป็นต้องวางตนบนพื้นฐานความเสมอภาคและถ่อมตัว”

เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014  นายสี จิ้นผิง เป็นประธานจัดการประชุมสัมมนากลุ่มผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติ ขณะพูดคุยกับนักวิชาการชาวต่างชาติจาก 22 ประเทศ นายสี จิ้นผิงเน้นว่า ไม่ว่าชนชาติใดหรือประเทศใดก็ตาม ล้วนต้องเรียนรู้ผลงานดีเด่นด้านอารยธรรมของผู้อื่น จีนต้องเป็นประเทศที่ไม่หยุดเรียนรู้ ไม่ว่าจะพัฒนาถึงขั้นตอนไหน ก็ต้องเรียนจากประชาชนของประเทศต่างๆทั่วโลก

นายสี จิ้นผิงยังกล่าวว่า “จีนจะมีท่าที่ที่เปิดกว้างและเรียนรู้กันยิ่งขึ้น ส่งเสริมการอยู่ร่วมกัน การแลกเปลี่ยนกัน และการประสานเชื่อมโยงกันกับประเทศต่าง ๆ ทั่วไลก ยกระดับการเปิดกว้างสู่ภายนอกสู่ขั้นใหม่” “ประเทศจีนในทุกวันนี้ไม่ใช่ของตัวเองเท่านั้น แต่เป็นประเทศจีนของเอเชียและของโลกด้วย และประเทศจีนในอนาคตก็ย่อมจะหลอมรวมเข้ากับโลกด้วยทัศนคติที่เปิดกว้างมากขึ้นและสร้างคุณประโยชน์ต่อโลกด้วยผลสำเร็จด้านอารยธรรมที่มากยิ่งขึ้น”

(Yim/Zi)