วันที่ 11 มิถุนายน การประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศจี 7 จัดขึ้นที่เมืองชายฝั่งคาร์บิสเบย์ ในเขตการปกครองพิเศษคอร์นวอลล์ (Cornwall) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ กลุ่มประเทศจี 7 ถือโอกาสนี้ยกประเด็นจีนขึ้นมาพูดคุยระหว่างการประชุม
นาย Jacques นักวิชาการชื่อดังของอังกฤษ นักวิจัยอาวุโสจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์แสดงความเห็นว่า การกระทำดังกล่าวของกลุ่มประเทศจี 7 ไม่เป็นไปตามกระแสแห่งยุคสมัยที่ต้องการความร่วมมือแบบมีชัยชนะร่วมกัน และยังแสดงให้เห็นว่า กลุ่มประเทศจี 7 ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับประชาคมโลกในปัจจุบัน แนวทางที่ถูกต้องสำหรับกลุ่มประเทศจี 7 คือ แสวงหาการพัฒนาความร่วมกันกับจีนไม่ใช่พยายามยับยั้งและกีดกันจีน
นาย Jacques ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซินหวาเมื่อเร็วๆ นี้ว่า สหรัฐฯ พยายามจะดึงประเทศพันธมิตรเข้ามาร่วมยับยั้งการพัฒนาของจีน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากลุ่มประเทศจี 7 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯมีความกังวลถึงฐานะของตัวเองในสังคมโลกที่กำลังลดต่ำลง กลุ่มประเทศนี้ไม่มีความมั่นใจเหมือนที่เคยมีในอดีต อำนาจและอิทธิพลของพวกเขาถูกจำกัดลงอย่างมาก
นาย Jacques กล่าวอีกว่า กลุ่มประเทศจี 7 เคยมีบทบาทเป็นผู้นำการพัฒนาเศรษฐกิจโลก แต่ปัจจุบัน กลุ่มประเทศนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลกเท่านั้น อำนาจของกลุ่มประเทศนี้ลดน้อยลงมาก วิกฤตการเงินระหว่างประเทศได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมของกลุ่มประเทศนี้
นาย Jacques ยังแสดงความคิดเห็นว่า ชาวโลกตระหนักมานานแล้วว่า กลุ่มประเทศจี 20 เป็นองค์การระหว่างประเทศที่มีความกว้างขวาง และสามารถเป็นตัวแทนมากขึ้น จีนในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การดังกล่าวได้แสดงบทบาทสำคัญในการแก้ไขวิกฤตการเงินโลก ในปี 2008 แต่ปัจจุบันสหรัฐฯ มุ่งเน้นจะกีดกันจีน
นาย Jacques เน้นว่าสาเหตุที่กลุ่มประเทศจี 7 ไม่สามารถเปลี่ยนกระแสการพัฒนา ไม่ใช่เพราะว่ากลุ่มประเทศนี้มีกำลังไม่เพียงพอเท่านั้น หากยังเป็นเพราะกลุ่มประเทศนี้มีความขัดแย้งกันเองภายใน และหนึ่งในประเด็นความขัดแย้งก็คือท่าทีต่อจีน หลายประเทศในยุโรปไม่ยอมรับแนวคิดของสหรัฐฯในการต่อต้านจีน พวกเขาไม่ต้องการยับยั้งการพัฒนาของจีน สำหรับปัญหาเศรษฐกิจโลก ภายในกลุ่มประเทศจี 7 ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน จุดยืนของสหรัฐฯและยุโรปมีความแตกต่างกันมาก เช่น อิตาลีเห็นด้วยและเข้าร่วมความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เยอรมนีมีการไปมาหาสู่กันทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนโดยตรงกับจีน
นาย Jacques ชี้ว่าหากสหรัฐฯ ดำเนินนโยบายเอกภาคี และต้องการยึดตำแหน่งประเทศมหาอำนาจในโลกต่อไป ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปจะทวีความรุนแรงขึ้น ยุโรปไม่ควรเดินตามแนวคิดของสหรัฐฯ ในการยับยั้งการพัฒนาของจีน เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
นาย Jacques ยังทิ้งท้ายว่าหากมองในระยะสั้น ท่าทีของสหรัฐฯ คงไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หากมองในระยะยาว สหรัฐฯย่อมต้องปรับเปลี่ยนจุดยืน โดยหันมาปฏิบัติต่อจีนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน แม้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใดหากสหรัฐฯไม่หันมาร่วมมือกับจีน ความร่วมมือทั่วโลกคงเกิดขึ้นได้ยาก
(bo/cai)