วันที่ 9 กรกฎาคม นายวัง เหวินปิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในงานแถลงข่าวว่า จีนและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศตะวันตกบางแห่งในการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 47 ที่กำลังดำเนินอยู่ พร้อมเรียกร้องให้ประเทศตะวันตกเหล่านี้ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงภายในประเทศ รวมทั้งคัดค้านประเทศเหล่านี้ไม่ให้ใช้ประเด็นสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องการเมืองและนำสองมาตรฐานมาใช้ในประเด็นสิทธิมนุษยชน นี่คือเสียงแห่งความยุติธรรม

นายวัง เหวินปิง กล่าวเช่นนี้ระหว่างที่สื่อมวลชนขอให้แสดงความเห็นในกรณีประเทศตะวันตกบางแห่งอ้างว่า จุดยืนของจีนที่คัดค้าน “การเจรจาต่อรองด้วยไมโครโฟน” และ “การไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ๆ” ดูเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

นายวัง เหวินปิง กล่าวตอบว่า สิ่งที่ต้องการเน้น คือ ประเทศตะวันตกเหล่านี้ใช้สิทธิมนุษยชนเป็นข้ออ้างในการกดดันและแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น โดยอาศัยแรงจูงใจทางการเมือง ข้อมูลเท็จ การโกหก และข่าวลือ ชาติตะวันตกเหล่านี้ที่ประกาศตนเป็น "ผู้พิพากษาสิทธิมนุษยชน" วิจารณ์และเหยียบย่ำสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศกำลังพัฒนา ทำลายบรรยากาศแห่งความร่วมมือในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทั้งนี้เป็นการละเมิดวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ พวกเขาพูดอยู่เสมอว่า ยินดีรับการวิพากษ์วิจารณ์จากภายนอก แต่เมื่อจีนและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ แสดงความกังวลอย่างเป็นเหตุเป็นผลต่อปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศเหล่านี้ กลับดูเหมือนว่า พวกเขาจะรู้สึกไม่สบายใจยิ่งจนกระทั่งไม่ยอมรับด้วย ข้ออ้างของพวกเขาที่กล่าวหาจีนว่าทำ "การทูตไมโครโฟน" และ "แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น" นั้นเป็นการใช้สองมาตรฐาน สะท้อนถึงความเย่อหยิ่ง อคติ และความเจ้าเล่ห์ที่หยั่งรากลึกของพวกเขาอย่างเต็มที่

นายวัง เหวินปิง ตั้งคำถามว่า ทำไมพวกเขาถึงเมินเฉยต่อปัญหาสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในประเทศตะวันตก เช่น การเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบต่อชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ รวมถึงกลุ่มที่มาจากเอเชียและแอฟริกา ละเมิดสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง ละเมิดสิทธิมนุษยชนในวงกว้างในศูนย์กักกันคนเข้าเมือง สังหารพลเมืองในปฏิบัติการทางทหารในต่างประเทศ ใช้ปฏิบัติการทางทหารในการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ส่งผลให้มีพลเมืองบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและต้องพลัดถิ่น ตลอดจนใช้มาตรการเชิงบังคับโดยลำพังฝ่ายเดียว สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสิทธิมนุษยชน เหตุใดพวกเขาจึงไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์พันธมิตรในประเด็นสิทธิมนุษยชนในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ? ทำไมพวกเขาถึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาคมระหว่างประเทศ” ประชาคมระหว่างประเทศสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ประเทศเหล่านี้เป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริงหรือผู้ที่ต้องการทำให้ประเด็นสิทธิมนุษยชนกลายเป็นเรื่องการเมือง

จีนขอเตือนให้ประเทศตะวันตกเหล่านี้ตอบสนองอย่างจริงจังต่อข้อกังวลของประชาคมระหว่างประเทศ ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งถึงการกระทำของตนที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ยอมรับและแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนของตนอย่างแท้จริง ตลอดจนอย่าคิดว่าจะใช้สิทธิมนุษยชนเป็นข้ออ้างแทรกแซงกิจการภายในและทำลายผลประโยชน์ของประเทศอื่นตามอำเภอใจโดยไม่ต้องจ่ายค่าทดแทนอีกต่อไป

(tim/cai)