เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น รัฐบาลสหรัฐฯได้ออก "คำเตือนทางการค้า" ที่เกี่ยวข้องกับฮ่องกง ทั้งยังใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ 7 คนประจำฮ่องกงจากรัฐบาลกลางของจีน การกระทำของสหรัฐฯนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นพฤติกรรมของลัทธิครองความเป็นเจ้าอีกครั้ง ซึ่งไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิงและเป็นอันตรายต่อทั้งผู้อื่นและตนเอง
นับถึงเดือนกรกฎาคมของปีนี้ “กฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง” มีผลบังคับใช้มาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา กฎหมายฉบับนี้ได้ลงโทษและป้องกันพฤติกรรมผิดกฎหมายซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติของจีนอย่างมีประสิทธิภาพ ระเบียบทางสังคมของฮ่องกงได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว การพัฒนาของฮ่องกงกลับมาเดินบนหนทางที่ถูกต้อง สภาพแวดล้อมด้านการบริหารอำนาจของรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงปรับปรุงดีขึ้น สิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของพลเมืองฮ่องกงได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ สถานะที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศของฮ่องกงได้รับการเสริมสร้างและยกระดับสูงขึ้น สังคมฮ่องกงมีความเข้าใจที่ครอบคลุมและถูกต้องมากยิ่งขึ้นในประเด็น "หนึ่งประเทศ สองระบบ" และมีความมั่นใจต่ออนาคตของฮ่องกงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสต้อนรับบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่ปลอดภัย มีเสถียรภาพ และคาดการณ์ได้มากยิ่งขึ้น สิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งรวมถึงบริษัทสหรัฐฯในฮ่องกงด้วยนั้น ได้รับการคุ้มครองที่ดียิ่งขึ้น รายงานที่เกี่ยวข้องซึ่งออกโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้ ได้ยืนยันอีกครั้งถึงสถานะที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศของฮ่องกง
สภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบันของฮ่องกงเป็นอย่างไรกันแน่ แนวโน้มความเคลื่อนไหวของนักลงทุนถือเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญ ตัวเลขสถิติชี้ว่า ในปีที่ผ่านมา ยอดการรวบรวมเงินทุนจากการขายหุ้นใหม่(IPO)ในตลาดฮ่องกงอยู่ในระดับเกิน 5 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2020 ปัจจุบันยอดเงินฝากในระบบธนาคารของฮ่องกงเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว 5% และยอดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุนเมื่อปลายปีที่แล้วก็เพิ่มขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับในช่วงสิ้นปี 2019
เมื่อเร็วๆนี้ มีสื่อมวลชนรายงานว่าแวดวงธุรกิจสหรัฐฯในฮ่องกง คัดค้านรัฐบาลสหรัฐฯ ออกสิ่งที่เรียกว่า "คำเตือนทางการค้า" โดยเห็นว่าการกระทำครั้งนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯถือเป็น "เรื่องบ้าบอ" ไม่เพียงแต่ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของสังคมฮ่องกงเท่านั้น หากยังไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของบริษัทอเมริกันในฮ่องกงอีกด้วย จากสถิติที่เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว สหรัฐฯมีพลเมือง 85,000 คนและบริษัทมากกว่า 1,300 แห่งในฮ่องกง บริษัทการเงินรายใหญ่เกือบทั้งหมดของสหรัฐฯ ล้วนดำเนินธุรกิจในฮ่องกง
นางแคร์รี แลม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกงกล่าวเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า คำพูดและการกระทำของสหรัฐฯดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นเรื่องไร้สาระและไร้เหตุผล ฮ่องกงเป็นเขตเศรษฐกิจที่เปิดกว้างและเสรี มีหลักฐานเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่า สถานภาพการเป็นศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศของฮ่องกงไม่ได้เปลี่ยนแปลง ความเชื่อมั่นของบรรดาวิสาหกิจที่จะประกอบธุรกิจในฮ่องกงก็ไม่ได้สั่นคลอนแม้แต่น้อย เธอเรียกร้องให้สหรัฐฯ ปฏิบัติต่อฮ่องกงด้วยความซื่อสัตย์และยุติธรรม นางแคร์รี แลมยังชี้ว่าบริษัทและบุคคลอเมริกันจำนวนมากได้รับการพัฒนาและได้รับประโยชน์จากฮ่องกง สหรัฐฯไม่ควรข่มขู่พวกเขาด้วยสิ่งที่เรียกว่า "คำเตือนทางธุรกิจ" แต่ควรพิจารณาวิธีการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่อำนวยประโยชน์ซึ่งกันและกันชนิดนี้แทน
เห็นได้ชัดว่า การที่ฝ่ายสหรัฐฯใช้มาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ประจำฮ่องกงจากรัฐบาลกลางของจีนและออกสิ่งที่เรียกว่า "คำเตือนทางธุรกิจ" นั้น หาใช่เป็นการเอาใจใส่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจของฮ่องกงจริงๆ จุดประสงค์ที่แท้จริงคือบ่อนทำลายความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของฮ่องกง และสร้างภัยอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติของจีน ผ่านการประโคมข่าวในทางลบเกี่ยวกับอนาคตของฮ่องกง และการข่มขู่นักลงทุนต่างชาติในฮ่องกง เพื่อขัดขวางการพัฒนาของจีนและยับยั้งการผงาดขึ้นของจีน
ไม่ใช่แค่ฮ่องกงเท่านั้น เป็นเวลานานแล้วที่สหรัฐฯใช้ประเด็นประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนเป็นข้ออ้างในการใส่ร้ายป้ายสีจีนในเรื่องกิจการภายในของจีน เช่น ซินเจียง ทิเบต และไต้หวัน เป็นต้น โดยมีเป้าหมายสูงสุดเดียวกันคือ ไม่อยากเห็นจีนแข็งแกร่งและเพื่อรักษาสถานะความเป็น "เจ้าโลก" ของตนเอง
นักวิเคราะห์ชี้ว่าคำพูดและการกระทำของสหรัฐฯเกี่ยวกับฮ่องกงในครั้งนี้นั้น ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง เป็นการเข้าแทรกแซงกิจการฮ่องกงและกิจการภายในของจีนอย่างโจ่งแจ้ง เป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิงของลัทธิครองความเป็นเจ้าและการเมืองที่ถืออำนาจเป็นใหญ่ การเคลื่อนไหวที่ไร้สาระนี้ย่อมจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม มีแต่จะทำให้ประชาชนจีนทั้งมวลซึ่งรวมถึงพี่น้องร่วมชาติในฮ่องกงด้วยมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากยิ่งขึ้น และตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำภารกิจของตนเองให้ดียิ่งขึ้น ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ว่าสหรัฐฯจะกดดันจีนอย่างไร ก็มิอาจขัดขวางการพัฒนาและการเติบโตของจีนได้ ยุคสมัยที่จีนถูกกลั่นแกล้ง ข่มเหง และกดขี่โดยอิทธิพลต่างชาติสิ้นสุดลงแล้วและมิอาจหวนกลับมาได้อีก
YIM/LU
ลิขสิทธิ์เป็นของ China Face