จนถึงวันที่ 11 สิงหาคม ตามเวลาท้องถิ่น จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในสหรัฐฯ มีจำนวนเกิน 36 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กว่า 610,000 คน ถือเป็นสถิติสูงสุดในโลก สถานการณ์รุนแรงเช่นนี้ทำให้รายงานของสำนักข่าว Bloomberg ที่จัดให้สหรัฐฯ เป็นอันดับหนึ่งในการต้านโควิด-19 โลก ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกว่าน่าตลกขบขันเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันคลังปัญญา 3 แห่งของจีนร่วมกันออกรายงานวิจัยมีเนื้อหาระบุว่า สหรัฐฯ เป็น "ประเทศล้มเหลวอันดับแรกของโลกในการต้านโควิด-19"
ช่วงเพิ่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัญหาโรคระบาดกลายเป็นเครื่องมือและตัวต่อรองทางการเมืองระหว่างสองพรรคการเมืองในสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี และอดีตประธานาธิบดีเพิกเฉยต่อคำเตือนด้านโรคระบาด ทั้งยังเสแสร้งด้วยว่า ความเสี่ยงจากโควิด-19 นั้นไม่ได้แย่เหมือนกับที่คิดไว้
ต่อมาเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ระบาดไปทั่วประเทศ มาตรการป้องกันและควบคุมทุกอย่างของสหรัฐฯ เช่น การตรวจโควิด-19 การใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม การฉีดวัคซีน และกฎหมายบรรเทาภัยฉุกเฉิน เป็นต้น ล้วนถูกโยงกับการเมืองทำให้เสียโอกาสหลายต่อหลายครั้งในช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับควบคุมโรคระบาด ชาวอเมริกันที่ “ไม่จำเป็นต้องเผชิญเคราะห์ร้าย” จำนวนมากเสียชีวิตในที่สุด
ภายในประเทศไม่สามารถควบคุมสถานการณ์โรคระบาด นอกประเทศยังทำลายความร่วมมือต้านโรคระบาดระดับโลก ความล้มเหลวในการต่อต้านโรคระบาดของสหรัฐฯ ซึ่งถูกเรียกกันว่า “ประเทศแข็งแกร่งที่สุดในโลก” แสดงให้เห็นว่า โรคระบาดครั้งนี้เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็เป็นภัยพิบัติที่มาจากการกระทำของผู้คนบางคน
(Tim/Lei/Zi)