ช่วงที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์และสื่ออื่นๆของสหรัฐฯ ต่างพาดพิงถึงจีนที่ได้ใช้แนวทางกำจัดโควิด-19 โดยวิเคราะห์ว่า
ไม่ว่าจะพบผู้ติดเชื้อโควิด-19รายใหม่ในพื้นที่ใด ทางการจีนจะใช้มาตรการกำจัดโควิด-19ในพื้นที่นั้นทันที ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ต้องได้รับผลกระทบอย่างมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การใช้มาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันและควบคุมโควิด-19 จะส่งผลกระทบในระดับหนึ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่ของ ประชาชนและการดำเนินธุรกิจในท้องถิ่น เช่นเดียวกับทำในพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การตั้งคำถามต่อการใช้ความพยายามของจีนในการกำจัดไวรัสโควิด-19นั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสื่อสหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีจำนวนประชากรติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก
ความสำเร็จของจีนในการควบคุมโรคโควิด-19ได้นั้น พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการใช้แนวทางกำจัดโควิด-19 จนถึงขณะนี้ เชื้อไวรัสโควิด-19ได้คร่าชีวิตมนุษย์ไปแล้วมากกว่า 5 ล้านคนในทั่วโลก เฉพาะสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดกว่า 754,000 คน แต่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาไม่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตรายใหม่แม้แต่รายเดียว ส่วนการระบาดขนาดเล็กในบางพื้นที่ของจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้นล้วนเกิดจากกรณีนำเข้า
หากจีนปฏิบัติตามที่สื่อสหรัฐฯเสนอแนะ คือใช้แนวทางของสหรัฐฯในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผลที่ตามมาคงจะเลวร้ายอย่างมาก จีนมีประชากรมากกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 4 เท่า หากจีนจัดการกับโรคระบาดโควิด-19 เช่นเดียวกับที่สหรัฐฯทำ ทุกวันนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในจีนอาจมีมากกว่า 3 ล้านคน แต่โชคดีที่จีนได้ใช้แนวทางกำจัดโควิด-19 ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19ในจีนแผ่นดินใหญ่มีไม่มาก คืออยู่ที่ 4,636 คน
จากรายงานข่าวของสื่อสหรัฐฯดูเหมือนว่า ประเด็นที่สื่อสหรัฐฯให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ ชาวจีนบางคนบ่นว่า การใช้มาตรการป้องกันและควบคุมโควิด-19อย่างเข้มงวดของทางการจีน ส่งผลกระทบถึงแผนการเดินทางท่องเที่ยวของพวกเขา ส่วนประเด็นความเจ็บปวดของครอบครัวชาวอเมริกันนับหมื่นนับแสนครัวเรือนที่เกิดจากการสูญเสียสมาชิกครอบครัวจากโควิด-19 กลับไม่ได้รับความสนใจแม้แต่น้อยจากสื่อสหรัฐฯ
อันที่จริง แม้แต่ความไม่สะดวกเล็กๆน้อยๆ ที่เกิดจากการใช้มาตรการควบคุมโรคระบาดในจีน เช่น การจำกัดการเดินทาง ก็เกิดขึ้นเพียงในระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น เนื่องจากข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลระดับต่างๆ และประชาชนทั่วประเทศจีนมีความเห็นอกเห็นใจและความสามารถในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 มาโดยตลอด
เชื้อไวรัสโควิด-19 แตกต่างจากเชื้อไวรัสชนิดอื่นที่เราเคยพบเห็นมาก่อนทั้งในด้านลักษณะการระบาดและอัตราการเสียชีวิต ขณะนี้ มีทางเลือกสำหรับมนุษยชาติเพียงสองทางเท่านั้น คือ ทางหนึ่งให้กำจัดเชื้อไวรัสโควิด-19โดยสิ้นเชิง และอีกทางหนึ่ง ปล่อยให้เชื้อไวรัสลุกลามต่อไป
บางคนแสดงความเห็นว่า การที่จีนใช้มาตรการเข้มงวดในการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19นั้น ต้องแลกด้วยต้นทุนมหาศาลในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แต่นั่นไม่เป็นความจริง ถึงแม้ว่าจีนได้ใช้มาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 แต่การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนยังคงแข็งแกร่ง เมื่อเร็วๆนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของจีนจะเติบโตร้อยละ 8.0 ในปีนี้
ชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งล้ำค่า ความทุกข์ยากทรมานและความเจ็บปวดของผู้ป่วยและครอบครัวผู้ป่วยโควิด-19 ไม่สามารถวัดได้ด้วย "ต้นทุนทางเศรษฐกิจ" ขณะนี้ หลายประเทศได้ตัดสินใจจะ "อยู่กับไวรัสโควิด-19 " แต่เชื้อไวรัสนี้ยังคงเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทั่วโลกต่อไป ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า โลกยังคงมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 วันละประมาณ 7,000 คน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแสดงความเห็นว่า ในขณะที่ฤดูหนาวกำลังมาถึงในซีกโลกเหนือ บวกกับหลายประเทศไม่ต้องการให้เว้นระยะห่างทางสังคม และไม่ต้องการให้สวมหน้ากากอนามัยอีกต่อไป มีแนวโน้มสูงมากที่จะเกิดการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ องค์การอนามัยโลกได้เตือนว่า ในอีกสามเดือนข้างหน้า ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในยุโรปอาจเพิ่มขึ้นอีก 500,000 คน หลังจากใช้มาตรการป้องกันและควบคุมโควิด-19ที่ผ่อนคลายในภูมิภาค
เชื้อไวรัสโควิด-19 คงจะไม่จางหายไปเอง ความหวังที่ดีที่สุดของมนุษย์ในการรับมือกับโควิด-19 ยังคงขึ้นอยู่กับการฉีดวัคซีนเต็มรูปแบบของคนส่วนใหญ่และการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ขณะนี้ เงื่อนไขทั้งสองประการดังกล่าวยังไม่สามารถปรากฏเป็นจริงขึ้นได้ ดังนั้น ในปัจจุบัน การใช้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคระบาดที่เข้มงวดจึงยังคงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการช่วยชีวิต การใช้ความพยายามของจีนในเรื่องนี้ไม่ควรถูกตั้งข้อกังขา
(yim/cai)