วันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 2020 จีนจัดการประชุมเชิดชูเกียรติผู้เป็นแบบอย่างแห่งการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่งอย่างยิ่งใหญ่ เฉิน เวย สมาชิกสภาวิศวกรรมศาสตร์แห่งชาติจีน และนักวิจัยสถาบันแพทยศาสตร์ทางทหาร สังกัดสภาวิทยาศาสตร์ทางทหารแห่งชาติจีน ได้รับมอบเหรียญรางวัลฉายาเกียรติยศแห่งชาติในนาม ‘วีรสตรีแห่งประชาชน’
ในการต่อสู้เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เฉิน เวยนำทีมงานสร้างคุณูปการสำคัญ ภายหลังเกิดการระบาดเธอเริ่มงานทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง นำทีมงานรุดหน้าไปยังเมืองอู่ฮั่นโดยเร็วที่สุดจนประสบผลสำเร็จที่สำคัญในการวิจัยขั้นพื้นฐาน รวมทั้งการวิจัยพัฒนาวัคซีนและยาป้องกันโควิด-19
"มีวิธีจัดการปัญหาที่รู้จัก มีความสามารถรับมือปัญหาที่ไม่รู้จัก (กล่าวคือ สำหรับปัญหาที่คุ้นเคยอยู่แล้วจะมีวิธีและมาตรการที่ทรงประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา สำหรับปัญหาที่ไม่คาดคิดซึ่งยังไม่คุ้นเคยก็ต้องมีความสามารถเพียงพอที่จะเอาชนะได้ทันท่วงที" เป็นคำพูดติดปากของเฉิน เวยและย่อมเป็นคติประจำใจของทุกคนในทีม จึงทำให้เฉิน เวยและทีมงานมีพลังต่อสู้ที่เข้มแข็ง จากการต่อสู้กับโรคซาร์สไปจนถึงการกู้ภัยแผ่นดินไหวในเมืองเวิ่นชวน จากการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคอีโบลาไปจนถึงการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยามเผชิญภาระหน้าที่เร่งด่วน ยากลำบาก และอันตราย วีรสตรีผู้มีภูมิลำเนาอยู่ที่แหล่ง “อู่ข้าวอู่น้ำ” ทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีคนนี้มักจะอาสาออกมาข้างหน้าเสมอ และช่วยแก้ไขปัญหาความยากลำบากที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนครั้งแล้วครั้งเล่า
"สามารถแบกรับภารกิจด่วนได้ในยามคับขัน กล้าได้กล้าเสียในยามวิกฤต"
ขณะอยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจในเดือนสิงหาคม ปี 2020 เฉิน เหว่ยได้รับทราบว่าตัวเองได้รับเหรียญรางวัลฉายาเกียรติยศแห่งชาติในนาม ‘วีรสตรีแห่งประชาชน’ เธอกล่าวว่า "เกียรตินี้เป็นของสหายทุกคนในแนวหน้าการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อป้องกันและควบคุมโรคระบาดของกองทัพทั่วประเทศ"
วันที่ 26 มกราคม 2020 ซึ่งเป็นวันที่ 4 หลังจากเมืองอู่ฮั่นปิดเส้นทางการคมนาคมขาออก เฉิน เวยนำทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทหารรุดไปยังเมืองอู่ฮั่นอย่างเร่งด่วน พวกเขาได้ดำเนินการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ฉุกเฉินอย่างรวดเร็วในหัวข้อต่าง ๆ เช่น การแพร่กระจายและกลายพันธุ์ของเชื้อโรค เทคโนโลยีการตรวจทดสอบอย่างรวดเร็ว และการพัฒนาแอนติบอดีวัคซีน ทั้งยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกองทัพและท้องถิ่นในการจัดตั้งกลไกการทำงานเพื่อร่วมป้องกันและควบคุมโควิด-19 รักษาช่วยเหลือผู้ป่วยและการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์
"โรคระบาดคือสัญญาณการออกศึก สถานที่เกิดเหตุก็คือสนามรบ" ตลอดช่วง 113 วันของการต่อสู้กับโรคระบาดในอู่ฮั่น เฉิน เวยนำทีมงานสร้างผลสำเร็จที่สำคัญหลายประการอันมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการเอาชนะโรคโควิด-19 เช่น:
ภายใต้การบังคับบัญชาของเฉิน เวย ใช้เวลาสั้น ๆ เพียง 24 ชั่วโมง ห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่แบบเต็นท์แรงดันลบได้ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วในบริเวณข้าง ๆ อาคารเภสัชกรรมของโรงพยาบาลสำนักงานใหญ่สังกัดเขตทหารภาคกลางของจีน ในห้องปฏิบัติการแห่งนี้ ระยะเวลาตรวจกรดนิวคลีอิกสั้นลงอย่างมาก ถือเป็นการยกขีดความสามารถตรวจกรดนิวคลีอิกได้ระดับ 1,000 คนต่อวันอย่างรวดเร็ว
เพื่อเร่งขับเคลื่อนการหลอมรวมงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์กับการรักษาพยาบาลทางคลินิกอย่างมีประสิทธิภาพ เฉิน เวยนำเจ้าหน้าที่วิจัยทางวิทยาศาสตร์ดำเนินการวิจัยในด้านพยาธิวิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา อากาศพลศาสตร์ ฯลฯ รวมทั้งสร้างห่วงโซ่การตรวจไวรัสอย่างรวดเร็ว วินิจฉัยประเภทเชื้อไวรัสในผู้ป่วยทางคลินิกอย่างแม่นยำ และนำหน้าประยุกต์ใช้และเผยแพร่ใน 3 โรงพยาบาล ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาลหั่วเสินซาน อันถือเป็นการยกระดับอัตราความแม่นยำของการวินิจฉัยทางคลินิกอย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่มีฮีโร่คนไหนที่ตกลงมาจากฟากฟ้า มีแต่มนุษย์คนธรรมดาที่ก้าวออกมาด้วยความรับผิดชอบ เมื่อเห็นข่าวทางโทรทัศน์พ่อของเฉิน เวยถึงรู้ว่าลูกสาวรุดไปยังแนวหน้าแล้วอีกครั้ง วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2020 เฉิน เวยเจียดเวลาโทรศัพท์ถึงบ้านเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เทศกาลตรุษจีน
“ต้องจดจำภาระหน้าที่ขึ้นใจ สามารถแบกรับภารกิจด่วนได้ในยามคับขัน และกล้าได้กล้าเสียในยามวิกฤต นี่จึงเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างแท้จริง” ในพิธีเข้าเป็นสมาชิกพรรคฯ แบบด่วนพิเศษของทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทหาร เฉิน เวยกำชับเช่นนี้กับเจ้าหน้าที่วิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่งเข้าเป็นสมาชิกพรรคฯ ซึ่งเป็นความเข้าใจในภาระหน้าที่ของเฉิน เวยเองเช่นกัน
“ฉันจะทดลองฉีดก่อน หากไม่เป็นอะไรพวกคุณค่อยฉีดตาม”
เดือนมีนาคม ปี 2020 เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่น ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาวัคซีน วันเกิดของเฉิน เวยได้เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่งในเดือนนี้ หลังจากได้รับคำอวยพรจากเพื่อนร่วมงานในกองทัพ เธอตอบเพื่อน ๆ ด้วยข้อความระหว่างการทำงานที่ยุ่งมากเพียง 8 ตัวอักษรเท่านั้น "ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะ!"
วัคซีนเป็นอาวุธทรงพลังที่สุดในการต้านโรคระบาด "วัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดใช้อะดีโนไวรัสเป็นพาหะ" ที่วิจัยและพัฒนาโดยทีมงานของเฉิย เวยนั้นเป็นวัคซีนตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติให้เข้าสู่การทดลองทางคลินิกอย่างเป็นทางการ ซึ่งขยายบทบาทสำคัญในการสร้างเสริมขวัญกำลังใจของประชาชนทั่วประเทศจีน
หากย้อนกลับไปเมืองอู่ฮั่นเมื่อ 19 เดือนก่อน แม้ว่า "อะดีโนไวรัส เวกเตอร์" จะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว และแม้ว่าวัคซีนได้ผ่านการทดสอบกับสัตว์มาแล้วก็ตาม แต่ภายใต้เงื่อนไขในขณะนั้น วัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาขึ้นใหม่ก็ยังคงเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่รู้
"ฉันจะทดลองฉีดก่อน หากไม่เป็นอะไรพวกคุณค่อยฉีดตาม" เฉิน เวย บอกกับเพื่อนร่วมงานด้วยใบหน้าและน้ำเสียงปกติ
รถพยาบาลคันหนึ่งจอดอยู่ชั้นล่างเพื่อคอยรอคำสั่งอย่างเงียบ ๆ เวลาผ่านไปจากวินาทีเป็นนาทีอย่างช้า ๆ ครึ่งชั่วโมงหลังได้รับวัคซีน เฉิน เวยไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ใด ๆ จากนั้นสมาชิกในทีมคนอื่น ๆ ก็เริ่มฉีดวัคซีนตามเฉิน เวย
วันที่ 16 มีนาคม 2020 วัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยทีมวิจัยที่นำโดยเฉิน เวยได้รับการอนุมัติให้เข้าสู่การทดลองทางคลินิกอย่างเป็นทางการ วันที่ 12 เมษายนปีเดียวกัน วัคซีนได้เริ่มการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 ภายหลังจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทีมของเฉิน เวยได้เดินทางไปยังต่างประเทศเพื่อทำการทดลองวัคซีนทางคลินิกระยะที่ 3 ร่วมกับต่างประเทศ วันที่ 11 สิงหาคม 2020 วัคซีนชนิดนี้ได้รับสิทธิบัตรการประดิษฐ์แห่งชาติ กลายเป็นวัคซีนโควิดในประเทศตัวแรกที่ได้รับสิทธิบัตรและเข้าสู่การใช้งานทางคลินิก 25 กุมภาพันธ์ 2021วัคซีนชนิดนี้ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานควบคุมยารักษาโรคแห่งชาติจีนให้เข้าสู่ตลาดแบบมีเงื่อนไข
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2021 ประเทศปากีสถานประกาศว่าในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ในปากีสถาน วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ร่วมพัฒนาขึ้นโดยทีมงานของเฉิน เวยและบริษัทแคนชิโน ไบโอโลจิกส์ (CanSino Biologics) นั้น 28 วันหลังจากได้รับวัคซีนเพียงเข็มเดียว ผลการคุ้มครองการป่วยอาการหนักมีถึง 100% และมีผลการคุ้มครองโดยรวมอยู่ที่ระดับ 74.8%
“สิทธิบัตรเป็นของเรา ต้นฉบับเป็นของเรา ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องมองดูสีหน้าใครในทุกสถานที่” ระหว่างเวลาเพียง 3 เดือนกว่าในเมืองอู่ฮั่น เฉิน เวยมีผมหงอกเพิ่มขึ้นจำนวนไม่น้อย แต่การแสดงออกและคำพูดของเธอยังคงหนักแน่นเช่นเคยไม่เปลี่ยนแปลง
“ฉันและทีมงานจะใช้ความพยายามต่อไปเพื่อบรรลุภาระหน้าที่”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเฉิน เวยมักเกี่ยวข้องกับภารกิจที่ยากและด่วนครั้งแล้วครั้งเล่า การรุดหน้าไปปฏิบัติหน้าที่ในเมืองอู่ฮั้นครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉิน เวย "สู้รบซึ่งหน้า" กับเชื้อไวรัส
ค.ศ. 1991 เฉิน เวยซึ่งเพิ่งได้รับปริญญามหาบัณฑิตสาขาวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชิงหวาเข้าร่วมงานกับกองทัพ ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเธอได้รับเหรียญรางวัลด้วยผลงานโดดเด่นหลายต่อหลายครั้ง
ระหว่างการต่อสู้กับโรคซาร์สในปี 2003 เฉิน เวยและทีมวิจัยได้เข้าไปในห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับความปลอดภัยทางชีวภาพในชั่วข้ามคืน โดยมักทำงานอย่างต่อเนื่องในห้องปฏิบัติการนานกว่าสิบกระทั่งหลายสิบชั่วโมง ไม่กี่เดือนต่อมาผลสำเร็จที่พัฒนาโดยทีมงานนี้มีผลค่อนข้างดีในการป้องกันการโจมตีจากไวรัสซาร์ส
ปี 2014 แอฟริกาตะวันตกเกิดการระบาดครั้งใหญ่ของเชื้อไวรัสอีโบลาและแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นยังไม่มีผู้ป่วยอีโบลาในประเทศจีน เฉิน เวยก็ได้อาสานำทีมไปยังแอฟริกา เดือนธันวาคมปีเดียวกันเฉิน เวยประสบความสำเร็จในการนำทีมวิจัยพัฒนาวัคซีนอีโบลาชนิดกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมปี 2014 ตัวแรกของโลก
ตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพเป็นต้นมาเป้าหมายการวิจัยของเฉิน เวยส่วนใหญ่เป็นโรคที่คนธรรมดามักจะหลบเลี่ยงทุกวิถีทาง เป็นเพราะประสบการณ์อันยาวนานของเธอในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส เฉิน เวยและทีมวิจัยทางวิทยาศาสตร์จึงสามารถพัฒนาวัคซีนจนนำไปสู่การทดลองทางคลินิกได้โดยเร็วที่สุดท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 ในครั้งนี้
"ในฐานะเจ้าหน้าที่วิจัยทางวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ทหาร ฉันหวังว่า 'เรือรบ' แห่งการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเราลำนี้จะสามารถฝ่าคลื่นลมและเดินทางไปข้างหน้าได้อย่างอย่างมั่นคงและยาวไกล" เฉิน เวย กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า "ฉันและทีมงานจะใช้ความพยายามต่อไปอย่างไม่ลดละเพื่อบรรลุภาระหน้าที่"
Tim/lu