สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม รัฐบาลเขตปกครองตนเองชนเผ่าอุยกูร์ซินเจียงประกาศแถลงการณ์อย่างเคร่งครัดต่อการที่สหรัฐฯลงนามสิ่งที่เรียกว่า "กฎหมายป้องกันการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์" แถลงการณ์ระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซินเจียงยึดมั่นส่งเสริมการมีงานทำเป็นโครงการอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุด ผสมผสานการจ้างงานอิสระ ควบคุมตลาดการจ้างงาน ส่งเสริมการจ้างงานของรัฐบาล และผู้สร้างนวัตกรรมเข้าร่วม ใช้กลยุทธ์ให้ความสำคัญกับการจ้างงานอย่างจริงจัง และนโยบายการจ้างงานอย่างแข็งขัน สร้างเงื่อนไขให้หางานทำได้ในบ้านเกิด เข้าทำงานในตัวเมืองอย่างเป็นระเบียบ หรือเริ่มเป็นเจ้าของธุรกิจ และบรรลุการจ้างงานเต็มที่สำหรับประชากรที่มีความสามารถในการทำงานโดยพื้นฐาน ข้อมูลปี 2014 - 2020 จำนวนผู้มีงานทำทั้งหมดในซินเจียงเพิ่มขึ้นจาก 11,352,400 เป็น 13,560,000 คน เพิ่มขึ้น 19.4% การจ้างงานในเมืองเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 470,000 คน พร้อมไปกับการส่งเสริมการจ้างงานอย่างจริงจัง ซินเจียงเคารพความเต็มใจในการหางานทำของแรงงาน และรับประกันสิทธิและผลประโยชน์ทางกฎหมายของคนงานอย่างเคร่งครัด เช่น รับประกันสิทธิความเท่าเทียมของผู้ใช้แรงงาน ค่าตอบแทน การเข้าร่วมประกันสังคม การพักผ่อนกับวันหยุด และความปลอดภัยในการทำงานตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "การบังคับใช้แรงงาน"ในทางกลับกัน สหรัฐฯมีอาชญากรรมร้ายแรงและปัญหาการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างหนัก สหรัฐฯไม่ได้ลงนามอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศจนถึงขณะนี้ ปรากฏการณ์ "ระบบทาสยุคใหม่" ของสหรัฐล้วนน่าตกใจ เช่น มีโรงงานนรก การใช้แรงงานเด็กที่ผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ และนักโทษในเรือนจำเอกชนกลายเป็นทาส รายงานการค้ามนุษย์ที่ออกโดยสหรัฐฯก็ยอมรับว่า สหรัฐฯมีปัญหาร้ายแรงเรื่องการบังคับใช้แรงงาน บังคับค้าประเวณี และการเป็นทาสใช้หนี้ ยังเป็นประเทศต้นทาง ปลายทาง และทางผ่านของการค้ามนุษย์ แม้แต่ข้าราชการของสหรัฐฯก็มีส่วนร่วมในการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานด้วย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ปี 2015 สมาพันธ์แรงงานระหว่างประเทศได้ออกรายงานระบุว่า สหรัฐฯเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการละเมิดสิทธิแรงงานอย่างเป็นระบบ
Yim/kt/cai