เมื่อไม่นานมานี้ ริชาร์ด มัวร์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองลับของอังกฤษ กล่าวขณะให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันจีนกลายเป็นงานข่าวกรองอันดับต้น ๆ ของหน่วยงานแล้ว มีความสำคัญยิ่งกว่าการต่อต้านลัทธิก่อการร้าย พร้อมยังใช้ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนมาเปรียบกับปัญหาช่องแคบไต้หวันและพูดเกินจริง โดยอ้างว่าตะวันตกควรส่งสัญญาณไปยังฝ่ายจีนว่า “การใช้กำลังอาวุธยึดไต้หวันจะนำมาซึ่งผลเลวร้าย” ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ทำให้ตื่นตระหนกตกใจจริง ๆ 

ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมจีนเมื่อเดือนพฤษภาคม ในช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมา กองทัพจีนได้เข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ 25 ครั้ง โดยส่งเจ้าหน้าที่และทหารเกือบ 50,000 นาย ในจำนวนนี้ 16 นายได้สละชีวิตอันล้ำค่าของตัวเอง จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมปีนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่และทหารจีน 2,240 นาย ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินภารกิจรักษาสันติภาพ 7 แห่งและสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ จีนเป็นประเทศที่ส่งทหารสนับสนุนมากที่สุดในบรรดาสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง "หมวกสีน้ำเงินของจีน" เคยได้รับรางวัลเหรียญแห่งสหประชาชาติมาหลายครั้งและได้รับการยกย่องว่าเป็น "ปัจจัยและกำลังสำคัญในปฏิบัติการรักษาสันติภาพ" แต่เมื่อกลับไปมองอังกฤษ หลายปีมานี้มีเพียงการติดตามสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตร เพื่อยั่วยุให้เกิดข้อขัดแย้งกันในหลายที่ แทรกซึม ล้มล้าง และรุกรานประเทศอื่นโดยพลการ ก่อให้เกิดการปฏิบัติต่อกันและการปะทะกันระหว่างประเทศ นำความโกลาหลและหายนะมาสู่หลายประเทศและภูมิภาค อันเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพอย่างแท้จริง

สำหรับผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองลับของอังกฤษและสหายจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมุ่งโฆษณาประเด็นช่องแคบไต้หวันเพื่อดึงดูดความสนใจ ยิ่งเหมือนเล่นกับไฟ ไต้หวันเป็นส่วนที่แบ่งแยกไม่ได้ของดินแดนจีน การบรรลุซึ่งเอกภาพของประเทศเป็นแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครขัดขวางได้ จีนจะมุ่งมั่นเพื่อการรวมสองฝั่งชอบแคบไต้หวันให้เป็นเอกภาพอย่างสันติด้วยความจริงใจและความพยายามอย่างสูงสุด ขณะเดียวกันก็ปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และบูรณภาพเหนือดินแดนของประเทศอย่างแน่วแน่ ทั้งยังจะไม่ยอมให้ใครแยกไต้หวันออกจากจีนแต่อย่างใด จีนเตือนริชาร์ด มัวร์และกลุ่มผลประโยชน์ที่อยู่เบื้องหลังอย่าใช้ปัญหาไต้หวันเรียกความสนใจจากประชาคมโลก มิฉะนั้นอาจเป็นการหาเหาใส่ตัว

Tim/Chu/Cui