เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม การเจรจาระหว่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน กับประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย บรรลุผลสำเร็จที่อุดมสมบูรณ์ โดยนายโจโคเป็นประมุขต่างประเทศคนแรกที่จีนรับรองนับตั้งแต่โอลิมปิกฤดูหนาวปักกิ่ง ในขณะที่จีนก็เป็นเป้าหมายอันดับแรกในการเดินทางไปยังเอเชียตะวันออกของนายโจโค ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย
ทั้งสองฝ่ายกำหนดทิศทางใหญ่ในการร่วมกันสร้างให้จีนและอินโดนีเซียเป็นหนึ่งเดียวที่มีโชคชะตาร่วมกัน ออกแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการพบปะระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ พร้อมกับต่ออายุบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” และ “ศูนย์กลางทางทะเลทั่วโลก” พร้อมลงนามในเอกสารความร่วมมือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมกันศึกษาวิจัยวัคซีนและยีน การพัฒนาสีเขียว การแลกเปลี่ยนและการบังคับใช้ตามกฎหมายด้านข้อมูล การสร้างขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และมหาสมุทร เป็นต้น ถือเป็นการพบปะกันแบบวิน-วิน
ในบรรดาผลสำเร็จดังกล่าวนี้ การกำหนดทิศทางใหญ่ในการสร้างสองประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวที่มีโชคชะตาร่วมกันเป็นผลทางการเมืองที่สำคัญที่สุดในการเยือนของนายโจโคครั้งนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับการแพร่ระบาดใหญ่ที่สุดในช่วงเวลาตลอดศตวรรษ จีน-อินโดนีเซียถือการส่งเสริมให้เป็นหนึ่งเดียวเป็นแนวคิดการนำ กระชับความร่วมมือที่เป็นแรงขับเคลื่อนทั้ง 4 ด้านให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ได้แก่ ความร่วมมือทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และความร่วมมือทางทะเล ย่อมจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งในการทนต่ออุปสรรคและความลำบาก ทั้งยังนำโอกาสการพัฒนาใหม่ ๆ มายังทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เป็นกุญแจสำคัญสำหรับทั้งสองฝ่ายเพื่อให้มีการพัฒนาร่วมกัน ในระหว่างพบกัน นายสี จิ้นผิง ย้ำความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมความร่วมมือ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ด้วยคุณภาพสูง เพื่อให้พัฒนาลึกซึ้งยิ่งขึ้นและประสบผลสำเร็จมากขึ้น ทั้งสองฝ่ายยังได้ต่ออายุบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” และ “ศูนย์กลางทางทะเลทั่วโลก” ซึ่งจะต้องส่งเสริมให้ยุทธศาสตร์การพัฒนาของสองประเทศเชื่อมต่อกันอย่างแม่นยำ พร้อมยังพิสูจน์ความมุ่งมั่นของจีนอีกด้วย ซึ่งก็คือ "ตราบเท่าที่จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการพัฒนาของอินโดนีเซียและกระชับความร่วมมือระหว่างจีน-อินโดนีเซีย จีนก็จะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและพยายามอย่างเต็มที่"
ในฐานะประเทศสำคัญในอาเซียน อินโดนีเซียเป็นประธานหมุนเวียนการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ในปีนี้ และจะทำหน้าที่เป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียนในปีหน้าด้วย ดังนั้น การพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีน-อินโดนีเซียไม่เพียงแต่สอดคล้องกับผลประโยชน์ระยะยาวของทั้งสองประเทศเท่านั้น หากยังส่งผลเชิงบวกที่กว้างขวางและลึกซึ้งในส่วนภูมิภาค ตลอดจนทั่วโลกอีกด้วย
ระหว่างการพบปะ นายสี จิ้นผิง กล่าวอย่างชัดเจนว่า จะสนับสนุนอินโดนีเซียอย่างเต็มที่ในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดบาหลีของกลุ่ม G20 และสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนในปีหน้าด้วย ซึ่งท่าทีการสนับสนุนอย่างแน่วแน่ของฝ่ายจีนจะเพิ่มความมั่นใจและเป็นแรงผลักดันแก่อินโดนีเซีย ที่จะประสบผลสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ในปีนี้
Tim/Chu/Cui