คืนวันที่ 28 สิงหาคมตามเวลาปักกิ่ง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีน ได้พูดคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ตามการนัดหมาย สองฝ่ายมีการสื่อสารและแลกเปลี่ยนกันอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และประเด็นที่เป็นข้อกังวลร่วมกัน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชี้แจงถึงความรับผิดชอบของสองมหาอำนาจ โดยกล่าวชี้ให้เห็นถึงการตัดสินความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่ผิดพลาด และความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการพัฒนาของจีนโดยสหรัฐฯ รวมทั้งได้ให้ความสำคัญกับจุดยืนและหลักการในประเด็นไต้หวันอย่างละเอียด ด้านประธานาธิบดี ไบเดน กล่าวว่า จะพยายามดำเนินความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ-จีน จัดการข้อขัดแย้งอย่างเหมาะสม รวมทั้งสัญญาว่านโยบายจีนเดียวของสหรัฐฯไม่ได้เปลี่ยนแปลงและจะไม่เปลี่ยนแปลง และสหรัฐฯ ไม่สนับสนุน "เอกราช" ของไต้หวัน
นับเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์ ครั้งที่ 5 ระหว่างผู้นำจีน-สหรัฐฯ ตั้งแต่รัฐบาลไบเดนเข้ามาบริหารประเทศ และยังเป็นการเจรจาที่สำคัญยิ่งในช่วงเวลาสำคัญอีกด้วย
หากพิจารณาจากเนื้อหาของการพูดคุยครั้งนี้ สองฝ่ายได้เผชิญกับข้อขัดแย้งซึ่งกันและกันโดยตรงและแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้ความร่วมมือกัน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การมองและกำหนดความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ จากมุมมองการแข่งขันเชิงกลยุทธ์ โดยมองว่าจีนเป็นคู่แข่งสำคัญและเป็นความท้าทายร้ายแรงที่สุดในระยะยาว เป็นการกำหนดความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่ผิดพลาดและเป็นความเข้าใจผิดต่อการพัฒนาของจีน ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างประชาชนสองประเทศและประชาคมโลก การตัดสินใจนี้ชี้ถึงปัญหาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และแก้ไขปัญหาการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ จากต้นเหตุ
ในเวลาเดียวกัน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นว่า จีน-สหรัฐฯ ควรรักษาการติดต่อในประเด็นสำคัญ เช่น การประสานงานนโยบายเศรษฐกิจมหภาค การรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และการคุ้มครองความมั่นคงทางพลังงานและอาหารทั่วโลก พร้อมกับย้ำว่าทั้งสองฝ่ายควรส่งเสริมการแก้ปัญหาประเด็นร้อนในภูมิภาค ช่วยโลกกำจัดการแพร่ระบาดโดยเร็วที่สุด พ้นจากภาวะทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ซบเซา และรักษาระบบระหว่างประเทศที่ถือสหประชาชาติเป็นแกนกลางและถือกฎหมายระหว่างประเทศเป็นหลัก คำตัดสินเหล่านี้สะท้อนถึงความรับผิดชอบของผู้นำประเทศใหญ่ที่มีต่ออนาคตและชะตากรรมของประชาชนจีน รวมถึงสหรัฐฯ และผู้คนทั่วโลกอย่างเต็มที่ กำหนดเส้นทางและทิศทางความร่วมมือจีน-สหรัฐฯ ทั้งนี้ฝ่ายสหรัฐฯ ก็ควรแบกรับความรับผิดชอบในฐานะประเทศใหญ่ ตลอดจนใช้ปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมตามทิศทางเดียวกับจีนด้วย
โลกภายนอกสังเกตเห็นว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เน้นย้ำจุดยืนหลักของจีนในประเด็นไต้หวันในการพูดคุยครั้งนี้ ซึ่งไม่เพียงเพราะประเด็นไต้หวันเป็นสิ่งสำคัญและละเอียดอ่อนที่สุดในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ หากยังสะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของสถานการณ์ช่องแคบไต้หวันในปัจจุบันเนื่องจากการยั่วยุของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวย้ำว่า แถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับเป็นคำมั่นทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย และหลักการจีนเดียวคือรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ พร้อมเน้นย้ำว่าจะต่อต้านการแบ่งแยกดินแดน "เอกราชของไต้หวัน" และการแทรกแซงจากกองกำลังภายนอกอย่างเด็ดขาด จะไม่ให้โอกาสกับ "เอกราชของไต้หวัน" ในรูปแบบใด ๆ เขาชี้ให้เห็นว่า ความคิดเห็นของประชาชนจะต้องไม่ถูกละเมิด และการเล่นกับไฟจะถูกไฟเผาตัวเอง ทั้งนี้ หวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะเห็นสิ่งนี้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ฝ่ายสหรัฐฯ ควรปฏิบัติตามหลักการจีนเดียวด้วยวาจาและการกระทำของตน รวมถึงปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้งสามฉบับ
นี่เป็นข้อความที่ชัดเจนในประเด็นไต้หวันจากผู้นำระดับสูงของจีนไปยังสหรัฐฯ สหรัฐฯ ต้องตระหนักว่า หากปัญหาไต้หวันไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมก็จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะปฏิบัติตามนโยบายจีนเดียวและไม่สนับสนุน "เอกราชของไต้หวัน" สหรัฐฯ จึงต้องทำตามสิ่งที่พูด แทนที่จะพูดสิ่งหนึ่งและทำอีกสิ่งหนึ่ง
ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ จะไม่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว และต้องเลือกให้ถูก จีนได้พัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ มาโดยตลอดตามหลักการสามประการที่ให้การเคารพซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ และมีความร่วมมือแบบได้ชัยชนะร่วมกัน ที่นำเสนอโดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ฝ่ายสหรัฐฯ ควรแก้ไขความเข้าใจเชิงยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องต่อจีนด้วย และระมัดระวังในคำพูดและการกระทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นไต้หวัน เพื่อไม่ให้สถานการณ์เข้าสู่สถานการณ์อันตราย ดังที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เคยกล่าวไว้ว่า ประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่ยุติธรรม ขณะที่สิ่งที่นักการเมืองทำไม่ว่าจะเป็นบุญหรือบาปจะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์
Tim/kt/cui