พร้อมกับจีนดำเนินยุทธศาสตร์การเปิดกว้าง บุกเบิกพัฒนาทางภาคตะวันตก และข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" เขตปกครองตนเองชนเผ่าอุยกูร์ซินเจียง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ได้ประเดิมแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคม ศูนย์กลางการค้า การพาณิชย์ และโลจิสติกส์ ศูนย์กลางการเงิน ศูนย์กลางวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ตลอดจนศูนย์กลางบริการรักษาพยาบาล เพื่อให้เขตซินเจียงกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจตามเส้นทางสายไหม ปัจจุบันเขตท่าทางบกระหว่างประเทศเมืองอูรุมชี เมืองเอกของเขตซินเจียง เขตเศรษฐกิจเมืองคาสือ และเมืองฮั่วเอ่อร์กั่วซือ ตลอดจนด่านชายแดนจำนวน 20 แห่งของเขตซินเจียงต่างเร่งการพัฒนาเพื่อให้ซินเจียงบรรลุเป้าหมายความเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจตามเส้นทางสายไหมโดยเร็ว
เขตเศรษฐกิจตามเส้นทางสายไหมเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ที่ถือเส้นทางสายไหมเป็นพื้นฐาน โดยทางตะวันออกมีวงแหวนเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ทางตะวันตกมีวงแหวนเศรษฐกิจยุโรป ถือเป็นระเบียงเศรษฐกิจที่มีระยะทางยาวที่สุดและมีศักยภาพมากที่สุดในโลก เขตเศรษฐกิจตามเส้นทางสายไหมมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีทรัพยากรธรรมชาติ สินแร่ พลังงาน ที่ดิน และทรัพยากรการท่องเที่ยวอุดมสมบูรณ์ ทว่าเนื่องจากการคมนาคมในพื้นที่ดังกล่าวไม่ค่อยสะดวก สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติไม่ค่อยดี เมื่อเทียบกับวงแหวนเศรษฐกิจใหญ่ 2 วงแหวนดังกล่าว การพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่ดังกล่าวยังคงมีช่องว่างอยู่
แต่ไหนแต่ไรมาเขตซินเจียงเป็นช่องทางสำคัญบนเส้นทางสายไหม มีการติดต่อและไปมาหาสู่กันทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมกับเอเชียกลาง เอเชียตะวันตก เอเชียใต้ และยุโรปอย่างใกล้ชิด ด้วยเหตุนี้เขตซินเจียงจึงมีช่องทางพาณิชย์และด่านชายแดนดั้งเดิมหลายแห่ง นอกจากนี้เขตซินเจียงยังมีดินแดนติดกับมองโกเลีย รัสเซีย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอินเดีย รวม 8 ประเทศ พรมแดนของเขตซินเจียงมีระยะทางยาวกว่า 5,600 กิโลเมตร ถือเป็นเขตบริหารที่ติดกับต่างประเทศมากที่สุดและมีเส้นพรมแดนยาวที่สุดของจีน นอกจากความได้เปรียบทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ เขตซินเจียงยังมีความเหนือกว่าด้านทรัพยากร พลังงาน และตลาดด้วย
เขตท่าทางบกระหว่างประเทศอุรุมชีเปิดให้บริการขบวนรถไฟระหว่างจีน-ยุโรป ซึ่งส่งเสริมการค้าระหว่างจีน-เอเชียตะวันตกและยุโรป นอกจากนี้เมืองอุรุมชียังเร่งพัฒนาโลจิสติกส์ เพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ รวมศูนย์อยู่ในเมืองนี้ และเสริมสร้างข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางอีกด้วย เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขตท่าทางบกระหว่างประเทศเมืองอุรุมชีเปิดให้บริการรถประจำทางเพื่อขนส่งแคนตาลูปแบบแช่เย็นจากเมืองถูหลู่ฟัน เขตซินเจียง ผ่านนครฉงชิ่งไปยังกรุงเทพฯ โดยใช้รถบรรทุก 6 คันส่งแคนตาลูปหนัก 150 ตันจากแหล่งผลิตในเมืองถูหลู่ฟันไปยังกรุงเทพฯ มีรายงานว่า การเก็บเกี่ยวผลไม้สดจากแหล่งผลิตในซินเจียงไปจนถึงวางจำหน่ายในตลาดที่กรุงเทพฯ ใช้เวลา 8 วัน
ปีนี้เมืองอุรุมชียังเปิดให้บริการรถประจำทางข้ามประเทศ เพื่อขนส่งผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างนครฉงชิ่ง-เขตซินเจียง-เยอรมนี จนถึงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เมืองอุรุมชีได้ดึงดูดธุรกิจด้านพาณิชย์ การค้า โลจิสติกส์ การแปรรูป และการผลิต จำนวนกว่า 340 ราย เขตซินเจียงมีด่านชายแดนที่เปิดให้บริการระหว่างประเทศจำนวน 20 แห่ง ในจำนวนนี้ ด่านอาราซานโข่วและด่านฮั่วเอ่อร์กั่วซือ เป็นด่านที่เปิดให้บริการต่างประเทศทั้งทางรถไฟ ทางถนน รวมไปถึงท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ถือเป็นด่านสำคัญที่ขบวนรถไฟระหว่างจีน-ยุโรปเข้าออกประเทศ นอกจากนี้ด่านหงฉีลาผู่และด่านคาสือยังเปิดให้บริการด้านบุคคล สินค้า และยานพาหนะแก่ประเทศที่สามอีกด้วย สถิติจากสำนักงานศุลกากรเมืองอุรุมชีแสดงว่า ในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ อัตราการค้าทั้งการนำเข้าและส่งออกของเขตปลอดอากรเมืองคาสือมีมูลค่าถึง 4,620 ล้านหยวน คาดว่าการเร่งพัฒนาเขตซินเจียงให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจตามเส้นทางสายไหม ไม่เพียงแต่จะส่งเสริมการค้าและความร่วมมือของพื้นที่ต่าง ๆ รายเส้นทางสายไหมเท่านั้น หากยังมีส่วนช่วยสืบสานประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของภูมิภาคดังกล่าวด้วย
(TIM/ZHOU)