เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯประกาศว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีทางการทหารมูลค่า 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ไต้หวัน นับว่าสหรัฐฯได้จำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันกว่า 100 ครั้งแล้ว และมูลค่าสะสมมีกว่า 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคมปี 1979 ภายใต้เงื่อนไขที่สหรัฐฯ ยอมรับหลักการจีนประเทศเดียว และจะตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน สาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ แต่ทว่าระหว่างการเจรจาเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างสหรัฐฯกับไต้หวัน
เมื่อเดือนมีนาคมปี 1979 รัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์กับไต้หวัน โดยบัญญัติกฎหมายเพื่อจัดหาอาวุธเชิงป้องกันให้แก่ไต้หวัน เมื่อเดือนสิงหาคมปี 1982 รัฐบาลทั้งจีนและสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วม “17 สิงหาฯ” โดยกำหนดว่า สหรัฐฯ จะไม่เพิ่มสมรรถภาพอาวุธที่จำหน่ายให้แก่ไต้หวันอีก และจะลดปริมาณจำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันอย่างมีขั้นตอนด้วย
ระหว่างปี 1983-1991 มูลค่าการจำหน่ายอาวุธของสหรัฐฯที่มีต่อไต้หวันได้ลดจาก 800 ล้านดอลล่าสหรัฐต่อปีให้เป็น 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หลังจากย่างเข้าทศวรรษ 1990 การจำหน่ายอาวุธของสหรัฐฯที่มีต่อไต้หวันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเดือนสิงหาคมปี 1992 สหรัฐฯได้จำหน่ายเครื่องบิน F-16 จำนวน 150 ลำแก่ไต้หวัน มูลค่าถึง 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือนธันวาคมปี 2015 รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศว่าจะจำหน่ายอาวุธมูลค่า 183 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่ไต้หวัน ซึ่งห่างจากครั้งที่แล้วที่สหรัฐฯ จำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันเป็นเวลา 4 ปี ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวที่สุดที่สหรัฐฯไม่ได้จำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวัน มาถึงปี 2020 สหรัฐฯ ได้จำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันถึง 6 ครั้งในรอบหนึ่งปี ถือว่าเป็นจำนวนครั้งมากที่สุดที่สหรัฐฯ จำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันภายในเวลาหนึ่งปี หลังจากปธน.โจ ไบเดน ขึ้นดำรงตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ เป็นต้นมา สหรัฐฯ ได้จำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันถึง 5 ครั้งมาแล้ว โดย 4 ใน 5 ครั้ง เกิดขึ้นในปีนี้
มีผู้สังเกตการณ์ทางการทหารระบุว่า อาวุธที่สหรัฐฯ จำหน่ายให้แก่ไต้หวันส่วนใหญ่เป็นอาวุธการโจมตีทางไกล อาวุธที่ใช้ในการควบคุมทางอากาศและทางทะเล และอาวุธเชิงป้องกัน การที่สหรัฐฯจำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันไม่เพียงแต่ได้ทำลายสันติภาพและเสถียรภาพของสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวันเท่านั้น หากยังทำลายสิทธิผลประโยชน์ของชาวไต้หวันอีกด้วย หากว่าใช้มูลค่า 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ งบประมาณส่วนนี้สามารถช่วยเหลือนักเรียนไต้หวันจำนวน 3,750,000 คนเรียนจบมหาวิทยาลัย
อนึ่ง เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางการไต้หวันประกาศว่า งบประมาณทางการทหารของไต้หวันในปี 2023 จะเพิ่มขึ้น 14.9% มูลค่า 523,400 ล้านเหรียญไต้หวันหรือประมาณ 17,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การที่ทางการไต้หวันใช้ภาษีอากรจากประชาชนไต้หวันไปซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ก็เพื่อเป้าหมายการเป็นเอกราช
สำหรับเรื่องที่สหรัฐฯ จำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวัน จีนใช้ท่าทีคัดค้านอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่มาโดยตลอด เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่มิอาจแบ่งแยกออกจากได้ การที่สหรัฐฯ จำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวัน เป็นการกระทำที่แทรกแซงกิจการภายในของจีน เป็นการกระทำที่ทำลายอธิปไตย และผลประโยชน์ด้านความปลอดภัยของจีน ซึ่งฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์พื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ฝ่าฝืนหลักการจีนเดียว ฝ่าฝืนแถลงการณ์ร่วม 3 ฉบับระหว่างจีน-สหรัฐ โดยเฉพาะฝ่าฝืนแถลงการณ์ “ 17 สิงหาฯ ” ส่งสัญญาณผิดๆ ให้แก่กลุ่มที่มีอิทธิพลแบ่งแยก ที่หมายจะให้ไต้หวันเป็นเอกราช
นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯจำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวันยังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ และทำลายสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวัน จีนเร่งให้สหรัฐฯ ปฏิบัติตามหลักการจีนประเทศเดียวและแถลงการณ์ร่วม 3 ฉบับระหว่างจีน- สหรัฐ หยุดจำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวัน และหยุดการติดต่อทางการทหารกับไต้หวัน ยกเลิกโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรีฐ และทำลายสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวันอีก
(YING/ZHOU)