ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐอิลลินอยส์ เคนตักกี้ อินดีแอนา เพนซิลเวเนีย นิวยอร์ก ต่างมีเหตุกราดยิงเกิดขึ้น กลายเป็น “สุดสัปดาห์แห่งการนองเลือด” อีกครั้งของสหรัฐฯ ตามข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 12  กันยายนโดยเว็บไซต์ "Gun Violence Archives" ของสหรัฐฯ  แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้ มีผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงด้วยปืนมากกว่า 31,000 ราย

ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉลี่ยแล้วมีผู้เสัยชีวิตจากปืนวันละ 122 ราย

ความรุนแรงการใช้ปืนกลายเป็นความหวาดกลัวที่ลึกล้ำในสังคมอเมริกัน ในจำนวนนี้ สถาบันศึกษากลายเป็นพื้นที่ถูกกระทบมากที่สุด โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยผลการศึกษาล่าสุดว่า 75% ของวัยรุ่นอเมริกันเชื่อว่า เหตุรุนแรงจากปืนเป็นเหตุความตึงเครียดอันดับต้นๆ  ตอนนี้กำลังเป็นช่วงเริ่มต้นของภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วง ในสหรัฐอเมริกา ในโรงเรียนและวิทยาลัยหลายแห่งต่างมีภาพบรรยากาศ นักเรียนและนักศึกษาต้องเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน จากความรุนแรงทุกเวลาระหว่างช่วงพักของการเรียน

ตัวอย่างเช่น ในเท็กซัส ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา โรงเรียนและวิทยาลัยทั่วรัฐต้องจัด "การฝึกตอบโต้เหตุรุนแรงจากปืน" นานถึง 16 ชั่วโมง รวมถึงการฝึกยิงปืนและเนื้อหาอื่นๆ

นักวิเคราะห์ชี้ว่า บทบัญญัติฉบับแก้ไขครั้งที่ 2 ในรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเกี่ยวกับสิทธิการถือปืนนั้น ยากที่จะปรับเปลี่ยนได้ ซี่งก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อขัดแย้งในประเด็นการควบคุมอาวุธปืนใระหว่างสองพรรค สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีปืนส่วนบุคคลมากที่สุดของโลก 

ในขณะเดียวกัน การบีบบังคับและแม้กระทั่งการลักพาตัว ทำให้ความรุนแรงการใช้ปืนนั้นเป็นปัญหาระยะยาวและยากที่จะแก้ไขให้ได้ ในสหรัฐอเมริกา การผลิตและจำหน่ายอาวุธปืนเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 70,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021

Ying/Chu/Zhou