เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศจัดการประชุมสมัชชาครั้งที่ 68 ในที่ประชุมมีร่างมติฉบับแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้ความร่วมมือผลิตเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ อังกฤษและออสเตรเลีย ถูกต้องตามกฎหมายต้องประสบความล้มเหลว นี่นับเป็นชัยชนะของความเป็นธรรมระหว่างประเทศ และเป็นการโจมตีอย่างหนักต่อการแสดงความเป็นใหญ่ในโลกแบบสหรัฐฯ
ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว สหรัฐฯ อังกฤษและออสเตรเลียประกาศจะร่วมมือผลิตเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ นักการเมืองสหรัฐฯและตะวันตกส่วนหนึ่งมักจะมีคำพูดติดปากว่า “ระเบียบสากลบนพื้นฐานกฎเกณฑ์” แต่มีการกระทำที่ตรงกันข้าม ความร่วมมือการผลิตเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษและออสเตรเลียเป็นการฝ่าฝืนสนธิสัญญาระหว่างประเทศ 3 ประการ
ประการแรกคือ ฝ่าฝืน“สนธิสัญญาว่าด้วยการไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์” หรือ NPT ที่มีการระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความรับผิดชอบและภาระหน้าที่ของประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์และประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ ความร่วมมือการผลิตเรือดำน้ำนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษและออสเตรเลียนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ส่งออกอาวุธนิวเคลียร์ปริมาณมากเป็นตันให้กับประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์อย่างเปิดเผย หลังจากมีการลงนาม NPT เป็นต้นมา
ประการที่ 2 คือ ฝ่าฝืน “ข้อกำหนดองค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ” ที่มีข้อกำหนดว่า องค์การนี้จะตรวจสอบและควบคุมเพื่อไม่ให้การช่วยเหลือถูกนำไปใช้ในทางทหาร การที่สหรัฐฯ และอังกฤษเตรียมจะถ่ายโอนนิวเคลียร์ระดับอาวุธ อุปกรณ์เรือดำน้ำและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องนั้นล้วนมีเป้าหมายทางทหารที่ชัดเจน
ประการที่ 3 ฝ่าฝืน “สนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดนิวเคลียร์มหาสมุทรแปซิฟิกใต้” สนธิสัญญานี้มีข้อกำหนดการจัดตั้งเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ มีการลงนามต่างๆ มีคำมั่นสัญญาว่าจะไม่จัดวางหรือทดลองอุปกรณ์ทางนิวเคลียร์ใดๆ ไม่เททิ้งของเสียนิวเคลียร์และปล่อยกัมมันตภาพรังสีอื่นๆ
มนุษย์เป็นประชาคมร่วมทุกข์ร่วมสุขที่แบ่งแยกไม่ได้ การสร้างโลกที่ปลอดนิวเคลียร์ ร่วมกันรักษาสันติภาพและความสงบ เป็นความปรารถนาร่วมกันของประเทศต่างๆ และเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่แผนการของสหรัฐฯ อังกฤษและออสเตรเลียต้องประสบความล้มเหลว
(Bo/Lin/Cui)
