ในปี 1978 ชื่อของเจี่ย ต้าซาน เป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าของผลงานเรื่องสั้นชื่อ "เรียนรู้" ซึ่งได้รับรางวัลเรื่องสั้นดีเด่นแห่งชาติ เป็นคนแรกในมณฑลเหอเป่ยที่คว้ารางวัลวรรณกรรมสูงสุดของจีนภายหลัง "การปฏิวัติวัฒนธรรม" สิ้นสุดลง นอกจากการเป็นนักเขียนเขายังเป็นผู้รอบรู้บริบทต่างๆ ของอำเภอเจิ้งติ้งอย่างแท้จริง โดยเฉพาะประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของบ้านเกิด
นอกจากสี จิ้นผิงจะเคยติดตามผลงานของเจี่ย ต้าซานแล้ว เมื่อเขาไปทำงานที่อำเภอเจิ้งติ้ง เขามักจะได้ยินคนพูดถึงเจี่ย ต้าซานอยู่บ่อยครั้ง ด้วยเหตุนี้สี จิ้นผิงจึงเลือกเดินทางไปเยี่ยมเจี่ย ต้าซานที่บ้านเป็นคนแรกนับตั้งแต่เขาเริ่มทำงานในเจิ้งติ้ง
การพบกันในครั้งแรกของทั้งสองคนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สี จิ้นผิงไปถึงบ้านในขณะที่เจี่ย ต้าซานกำลังคุยกับเพื่อน ๆ โดยที่เจี่ย ต้าซานไม่ได้สนใจเขา สี จิ้นผิงอดทนรอพักใหญ่จนเมื่อมีจังหวะเจ้าหน้าที่ผู้ติดตามสี จิ้นผิงได้แนะนำเจี่ย ต้าซานว่า "นี่คือ สี จิ้นผิง รองเลขาธิการคนใหม่ของคณะกรรมการพรรคฯ ประจำอำเภอ "
เจี่ย ต้าซานหันมามองดูสีจิ้นผิง พูดออกมาว่า "ส่งคนที่ปากยังไม่มีขนมาคุมเรา!" สี จิ้นผิงไม่ได้ถือสาในความตรงไปตรงมาของเจี่ย ต้าซาน แต่กลับใช้ความจริงใจพูดคุยกับเจี่ย ต้าซาน และในเวลาไม่นานเขาก็ทำให้ เจี่ย ต้าซานยอมรับในตัวเขา
คำประกอบภาพ: วันที่ 3 เดือนอ้ายตามปฏิทินจันทรคติปี 1997 สี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นทำงานที่มณฑลฝูเจี้ยนเดินทางมายังอำเภอเจิ้งติ้งเพื่อเยี่ยมเจี่ย ต้าซานที่กำลังป่วย
ทั้งสองมีความสนใจที่คล้ายคลึงกันทั้งในเรื่องวรรณกรรม ศิลปะ งิ้ว ภาพยนตร์ทั้งจีนและต่างประเทศ ทั้งแบบโบราณและสมัยใหม่ ตลอดจนเรื่องราวในสังคมและชีวิตมนุษย์ หลายครั้งที่ทั้งสองคนใช้เวลาคุยกันจนรุ่งสาง และมีสองสามครั้งที่คุยกันในที่ทำการคณะกรรมการพรรคประจำอำเภอจนถึงเวลาตีสองหรือตีสามของวันใหม่ เขาทั้ง 2 คนไม่ต้องการรบกวนยามเพื่อเปิดประตู พวกเขามักจะใช้วิธีการออกจากที่ทำการฯ โดยการปีนออกให้คนหนึ่งก้มลง อีกคนยืนขึ้นบนบ่าของอีกคนแล้วปีนข้ามประตูเหล็กขนาดใหญ่อย่างเงียบๆ
ในช่วงเวลานั้นการอนุรักษ์โบราณวัตถุในอำเภอเจิ้งติ้งขาดความเข้มแข็ง ระบบวัฒนธรรมค่อนข้างวุ่นวาย ทางอำเภอต้องการคนที่จะจัดระเบียบและสามารถเป็นผู้นำระบบวัฒนธรรมที่มีความสามารถ สี จิ้นผิงเสนอชื่อของเจี่ย ต้าซาน เพราะเขามีคุณสมบัติที่ครบถ้วน เป็นผู้ใหญ่ สุขุมรอบคอบ ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์สุจริต บริหารงานเก่ง และที่สำคัญที่สุดคือเขามีความรักอย่างลึกซึ้งต่อภารกิจด้านวัฒนธรรม และยังมีแนวคิดเกี่ยวกับการอนุรักษ์โบราณวัตถุในแบบฉบับของตนเอง
เจี่ย ต้าซานได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกิจการวัฒนธรรมของอำเภอเจิ้งติ้งจากการสนับสนุนของสี จิ้นผิง เขาสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้เกิดขึ้น นั่นก็คือคนที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคฯ ก็สามารถดำรงตำแหน่งสำคัญในพื้นที่ได้ เขาได้เลื่อนตำแหน่ง 3 ระดับในครั้งเดียวจากตำแหน่งรองผู้อำนวยการหอวัฒนธรรมซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดของสำนักงานกิจการวัฒนธรรมขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานกิจการวัฒนธรรม
และเจี่ย ต้าซานก็ไม่ทำให้สี จิ้นผิง ผิดหวัง เพียงสองสามเดือนให้หลัง เขาสามารถจัดระเบียบระบบวัฒนธรรมของอำเภอเจิ้งติ้งจากเดิมที่ค่อนข้างวุ่นวายให้เข้าสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
สี จิ้นผิงไม่เพียงแต่มองเจี่ย ต้าซานเป็นเพื่อนคู่ใจของตน แต่ยังมองเขาเป็นหน้าต่างและช่องทางในการทำความเข้าใจสภาพสังคมและความคิดเห็นของสาธารณชนในเวลานั้นอีกด้วย นอกจากนั้นสี จิ้นผิงยังถือเจี่ย ต้าซานเป็นที่ปรึกษาและแบบอย่างในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองและการปฏิบัติตน
BO/LU