ตั้งแต่วันที่ 14 - 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้รับคำเชิญไปยังเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซียเพื่อร่วมการประชุมสุดยอด G20 ครั้งที่ 17 และเดินทางต่อไปยังกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดเอเปก ( APEC ) อย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 29 และเยือนประเทศไทย
ก่อนที่จะสิ้นสุดการเยือน นายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้บรรยายสรุปสภาพการเดินทางครั้งนี้ต่อผู้สื่อข่าวที่เดินทางไปด้วยกัน
หวัง อี้ กล่าวว่า หลังจากสิ้นสุดสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 แล้ว การทูตใหม่ของประเทศจีนที่มีเอกลักษณ์ก็ได้เริ่มต้นกระบวนการใหม่ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็ได้เริ่มการเดินทางสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเป็นที่จับตาของทั่วโลก ในช่วงเวลา 6 วัน 5 คืนนั้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 30 ครั้ง ทั้งวางแผนการทูตพหุภาคีและเป็นผู้นำความสัมพันธ์ทวิภาคีทั้งกระชับปฏิสัมพันธ์ระดับประเทศใหญ่ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา บรรยายการปกครองของจีน ตอบคำถามระดับโลกเสนอข้อเสนอแนะอันสำคัญและประกาศมาตรการที่มุ่งผลประโยชน์อย่างแท้จริง อุดมด้วยเนื้อหาที่มีผลอย่างกว้างไกล สื่อมวลชนทั้งจีนและต่างประเทศได้ให้ความสนใจอย่างมากและรายงานอย่างเข้มข้น
โดยความเห็นทั่วไปในกรณีการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ปั่นป่วนและซับซ้อน จีนได้ส่งเสียงเพื่อส่งเสริมการพัฒนาระดับโลก และเป็นผู้นำในการบริหารโลก สะท้อนถึงความรับผิดชอบของจีนที่สมเหตุสมผลและมีความเชื่อมั่นในแนวทางตนเอง
การเดินทางไปยังต่างประเทศของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการทางการทูตครั้งสำคัญที่ประสานสถานการณ์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ อันประสบความสำเร็จในการปฏิบัติตามแนวคิดของสี จิ้นผิง เกี่ยวกับสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีนในยุคสมัยใหม่ พร้อมรูปแบบการทูตที่แสดงให้เห็นถึงค่านิยมและเอกลักษณ์ของการทูตของจีน ซึ่งเป็นประเทศใหญ่ที่มีเอกลักษณ์
จากการเดินทางครั้งนี้ประชาคมโลกได้สัมผัสถึงท่าทีอันโดดเด่นของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในฐานะที่เป็นผู้นำพรรคใหญ่และประเทศใหญ่ ที่แสดงถึงความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อโลก ทั้งประชาคมโลกยังได้มองเห็นถึงความเป็นมิตร น่าเชื่อถือ และน่านับถือของจีนอีกครั้ง
Ying/LR/Cui