การแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

2022-12-01 13:14:48 | CRI
Share with:

รายงานของศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุ การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีนทำให้ทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เมื่อ 20 ปีก่อน จีนยังเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจน แต่ปัจจุบัน เมื่อคิดตามจีดีพีหรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในตลาด สัดส่วนเศรษฐกิจจีนต่อสหรัฐฯ เพิ่มจาก 10% ในปี 2000 เป็น 78% ในปี2021

ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA และกองทุนการเงินระหว่างประเทศมีข้อสรุปว่า มีวิธีเปรียบเทียบเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ดีกว่าจีดีพี นั่นคือภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อหรือพีพีพี (PPP-purchasing power parity) หมายความว่าเงินของแต่ละประเทศสามารถที่จะซื้อสินค้าได้มากเท่าไหร่ในตลาดของประเทศตน ถ้าคิดตามวิธีนี้ พีพีพีของจีนสูงกว่าสหรัฐฯ 15% ในปัจจุบัน

การพัฒนาที่เติบโตขึ้นของจีน ได้เปลี่ยนแปลงสภาพการค้าระหว่างประเทศ ปี 2001 จีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก เวลานั้น สหรัฐฯ เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบัน คู่ค้าสำคัญที่สุดของทั่วโลกคือจีน

ปี 2010 จีนกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมการผลิตอันดับ 1 ของโลก เป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของโลก ขณะที่สัดส่วนของสหรัฐฯ ลดลงเป็น 1 ใน5

ปัจจุบัน จีนแทนที่สหรัฐฯกลายเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่ปี 2008 สหรัฐฯ และประเทศจำนวนหนึ่งเกิดความซบเซาทางเศรษฐกิจ หลังจากนั้น การเติบโตของจีดีพีโลก 1ใน 3 มาจากจีน 

จากมุมมองของทั่วโลก การเติบโตของจีนได้สร้างระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จีดีพีของสหรัฐฯ ครองสัดส่วนครึ่งหนึ่งของโลก และเป็นผู้นำในการสร้างกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ธนาคารโลก(World Bank) และระบบการจัดการการเงินเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods monetary system) เป็นต้น แต่ปัจจุบัน จีดีพีของสหรัฐฯ เป็นเพียง 1 ใน 6 ของโลกเท่านั้น

ปัจจุบัน ความสามารถในการบริหารของผู้นำประเทศขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้น ประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ กล่าวย้ำว่า อย่าบังคับให้พวกเขาคัดเลือกสหรัฐฯ หรือจีน เพราะสหรัฐฯ เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของพวกเขา แต่การพัฒนาเศรษฐกิจต้องมีจีน

ต้นศตวรรษนี้ รายได้เฉลี่ยต่อปีของชาวอเมริกันเป็น 36 เท่าของชาวจีน คือ 36,000 เหรียญสหรัฐ ต่อ 1,000 เหรียญสหรัฐ จนถึงปี 2020 จีดีพีเฉลี่ยต่อคนของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นเกือบ 1 เท่า แต่จีดีพีเฉลี่ยต่อคนของชาวจีนเพิ่มขึ้น 10 เท่ามาเป็น 10,000 เหรียญสหรัฐ  แม้ว่ายังต่ำกว่าญี่ปุ่นที่เป็น 40,000 เหรียญสหรัฐ และเกาหลีใต้ที่เป็น 31,000 เหรียญสหรัฐ แต่สูงกว่าประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ อย่างมาก อาทิ อินเดียที่เป็น 2,000 เหรียญสหรัฐ อินโดนีเซียที่เป็น  4,000 เหรียญสหรัฐ และเวียดนามที่เป็น 3,500 เหรียญสหรัฐ

ต้นศตวรรษนี้ จีนพึ่งเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก เวลานั้นสหรัฐฯ เป็นคู่คำสำคัญของประเทศส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบัน จีนแซงหน้ากลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของประเทศสำคัญเกือบทั้งหมด 

ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศนำเข้าอาหารและพลังงานจำนวนมากที่สุดของโลก จนถึงปี 2018 ยอดการค้าระหว่าง 130 ประเทศกับจีนเกินกว่ายอดการค้ากับสหรัฐฯ ในจำนวนนี้ยอดการค้าระหว่างประเทศกว่า 2 ใน 3 กับจีนเกินกว่า 2 เท่าของยอดการค้ากับสหรัฐฯ เดือนมกราคมปี 2022 เป็นการเริ่มต้น ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP)   ทำให้จีนกลายเป็นผู้นำของกลุ่มการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดของโลก

ปัจจุบัน จีนยังได้สร้างระบบอุตสาหกรรมการผลิตสมบูรณ์แบบเพียงหนึ่งเดียวของโลก กลายเป็นผู้นำของผลิตภัณฑ์เกือบทั้งหมด เริ่มแรก จีนเป็นผู้ผลิตสินค้าราคาถูกและต้นทุนต่ำ จนถึงปี 2010 จีนกลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่สุดของโลก ปี 2019 มูลค่าเพิ่มด้านอุตสาหกรรมการผลิตของจีนครองสัดส่วน 29% ของโลก ขณะที่เมื่อปี 2000 เป็นเพียง 9%  ด้านสหรัฐอเมริกา ครองสัดส่วนโลกลดลงจาก 26% เป็น 16% ในปัจจุบัน

ด้านอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าเทคโนโลยีระดับกลางและระดับสูง จีนก็แซงหน้าสหรัฐฯเช่นกัน สัดส่วนมูลค่าเพิ่มในโลกของจีนเพิ่มขึ้นจาก 7% ของปี2003 เป็น 26 % ของปี 2018 สัดส่วนมูลค่าเพิ่มในโลกของสหรัฐฯ ลดลงจาก 25% มาเป็น 23% สำนักวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯยังพบว่า ช่วงระยะเดียวกัน ในด้านอุตสาหกรรมการผลิตสินค้านิวไฮเทค สัดส่วนมูลค่าเพิ่มในโลกของจีนเพิ่มขึ้นจาก 6% มาเป็น21% แต่สัดส่วนของสหรัฐฯ ลดลงจาก 38% เป็น 32%

ปี 2020 นิตยสาร “ฟอร์จูน”ประกาศรายชื่อ 500 อันดับบริษัทโลก มีบริษัทจีนอยู่ในรายชื่อ 124 บริษัท มากกว่าสหรัฐฯที่มี121 บริษัทเป็นครั้แรก “ฟอร์จูน”ระบุว่า “ศตวรรษแห่งสหรัฐฯ กำลังนับถอยหลัง ”

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันระหว่างบริษัทจีนกับสหรัฐฯ ยังไม่สิ้นสุดลงรายได้โดยรวมของบริษัทสหรัฐฯ ในรายชื่อ 500อันดับ บริษัทโลกนั้นคิดเป็น 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่ารายได้โดยรวมของบริษัทจีนที่คิดเป็น 8.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมูลค่าโดยรวมของแบรนด์สหรัฐฯ คิดเป็น3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าแบรนด์จีนที่คิดเป็น 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ด้านการลงทุนโดยตรงจากพ่อค้าต่างประเทศนั้น ปี 2020 จีนกลายเป็นประเทศที่รับการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ยอดรวมของการลงทุนจากต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังสูงกว่าจีนอย่างมาก จนถึงปี 2019 ยอดรวมของการลงทุนจากต่างประเทศโดยตรงของสหรัฐฯ เป็น 5 เท่าของจีน

นอกจากนั้น ดอลล่าร์สหรัฐยังเป็นผู้นำในระบบการเงินทั่วโลก ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ยังถือดอลล่าร์สหรัฐ เป็นเงินตราต่างประเทศสำรองที่สำคัญ ดอลล่าร์สหรัฐครองสัดส่วน 60% ของยอดเงินตราต่างประเทศสะสมทั่วโลก ส่วนเงินหยวนจีนไม่เกิน 2%

ด้านตลาดหลักทรัพย์ มูลค่าตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ครองสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของโลก ตั้งแต่ต้นศตวรรษนี้ ความเร็วในการเติบโตของตลาดหลักทรัพย์จีนเกินกว่า 250% จนถึงปี 2021 มูลค่าตลาดหลักทรัพย์จีนสูงถึง 14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่สหรัฐฯ คิดเป็น 53 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าจีนอย่างมาก

สิ่งที่น่าสนใจคือปี 2000 ธนาคารใหญ่ 10 อันดับแรกของโลกไม่มีของจีน แต่ปัจจุบันธนาคารใหญ่ที่สุด 4 อันดับแรกของโลกล้วนเป็นของจีน ส่วนในรายชื่อ 10 ธนาคารโลกนั้น มีเพียงอันดับที่ 6 และที่ 9 ที่มาจากสหรัฐฯ 

ในอนาคต เศรษฐกิจจีนจะยังคงพัฒนาด้วยความเร็วที่เป็น 2 เท่าของสหรัฐฯหรือไม่ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยบอกว่า ประชากรจีนมีแนวโน้มแก่ขึ้น หนี้โดยรวมของจีนเป็น 280% ของจีดีพี สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่เลยร้ายลง เป็นต้น

แต่ผู้ที่เห็นว่า ใน 10 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตด้วยความเร็วที่เป็น 2 เท่าของสหรัฐฯ ด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้

กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดว่า หลังปี 2023 อัตราเติบโตเฉลี่ยของสหรัฐฯต่อไป จะไม่เกิน 1.7% ด้านประเทศจีน ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงปี2030 อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ 4.5-5.0%

แม้ว่าปัจจุบันจีนเผชิญกับการท้าทายใหญ่หลวง แต่ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา จีนแสดงให้เห็นถึงความสามารถการแก้ไขปัญหาที่สูง รัฐบาลจีนมีทีมงานที่รับมือการท้าทายอย่างรอบด้าน ละเอียดและลึกซึ้ง

ปี 2021 ความสมดุลทางการค้าของจีนต่อทั่วโลกสูงถึง 675,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สร้างสถิติสูงใหม่ เพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปี 2019 ปัจจุบันจีนเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าสินค้าสำคัญรายใหญ่สุดของโลก  รวมถึงแร่แรร์เอิร์ธบริสุทธิ์ 90% แผงเซลล์แสงอาทิตย์ 80% คอมพิวเตอร์50% และรถยนต์พลังไฟฟ้า 45% ของโลก เป็นต้น

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เลวร้ายลงเรื่อยๆ แต่บริษัทที่มีเทคโนโลยีดีที่สุดของโลกและบริษัทการลงทุนล้วนได้เพิ่มการลงทุนในจีน เพราะปัจจุบัน จีนมีกลุ่มชนชั้นกลางจำนวนกว่า 400 ล้านคน จนถึงปี 2023 จะเพิ่มมากขึ้นอีก 400 ล้านคน ดังนั้น จีนมิเพียงแต่เป็นสถานที่ผลิตที่ได้รับความนิยมจากบริษัทส่วนใหญ่ ทั้งยังเป็นตลาดบริโภคที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทเหล่านี้ ปี 2021 เทสลาผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าจำนวน 1 ล้านคัน ในจำนวนนี้มีเกือบครึ่งผลิตที่นครเซี่ยงไฮ้และขายให้กับชาวจีน 

อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลากล่าวว่า “จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของเรา เราจะผลิตรถยนต์จำนวนมากที่สุดในจีน และจะมีผู้บริโภคจำนวนมากที่สุดด้วย” ซีอีโอของบริษัทแอปเปิลก็กล่าวว่า “การลงทุนในจีนของเราจะดำเนินการต่อไปในไตรมาสหน้า จนถึงหลายสิบปีข้างหน้า จีนจะกลายเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของแอปเปิล” ปัจจุบัน ร้านกาแฟสตาร์บัคส์เปิดร้านใหม่ 1 แห่งในจีนทุก 12 ชั่วโมง

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา BlackRock ที่เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก Bridgewater ที่เป็นกองทุนป้องกันความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของโลก รวมถึง Goldman Sachs และ JPMorgan ที่เป็นธนาคารสำคัญของโลก ล้วนได้ซื้อหุ้นจีนเพิ่มมากขึ้น

  • เสียงข่าวประจำวัน (28-03-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (28-03-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (28-03-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (27-03-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (27-03-2567)