ขณะที่จีนปรับปรุงมาตรการป้องกันโควิด-19 เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรุงปักกิ่งกลายเป็นจุดโฟกัสของจีนและต่างประเทศ รายงานบางชิ้นพูดถึงปักกิ่งว่า จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถนนหนทางว่างเปล่า ในมุมมองของผม คำพูดเหล่านี้มีด้านหนึ่งที่ใกล้กับความจริง แต่ก็มีส่วนหนึ่งเป็นแบบด้านเดียว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในปักกิ่งย่อมไม่ต่ำ เมื่อไม่นานมานี้ ญาติ เพื่อน และเพื่อนร่วมงานของผมจำนวนมากติดเชื้อตามลำดับ สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน สะท้อนให้เห็นว่า ไวรัสแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมผู้คนอย่างกว้างขวาง อาจมีคนถามว่า ปักกิ่งมีผู้ติดเชื้อจำนวนเท่าไรกันแน่? คำถามนี้ยากที่จะให้คำตอบที่แม่นยำจริง ๆ ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนประกาศว่า เวลานี้ การตรวจโควิดดำเนินยุทธศาสตร์ที่“อยากตรวจก็ตรวจ” ฉะนั้น ผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการจำนวนมากไม่ร่วมการตรวจโควิดอีก ไม่สามารถรับทราบจำนวนจริงของผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ จึงไม่มีสถิติของจำนวนผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2022 เป็นต้นมา
แต่เราสามารถวินิจฉัยทิศทางภาพรวมของสถานการณ์โควิดในกรุงปักกิ่งจากข้อมูลที่ประกาศโดยคณะกรรมการสุขภาพปักกิ่ง วันที่ 22 ธันวาคม คณะกรรมการสุขภาพปักกิ่งประกาศข้อมูลว่า ภายในวันที่ 21 ธันวาคมวันเดียว คลินิกไข้ในกรุงปักกิ่งมีผู้เป็นไข้เข้ารับการรักษา 65,000 คน ซึ่งลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับจำนวนรองรับสูงสุด 73,000 คนเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา ความต้องการไปหาหมอมีแนวโน้มทรงตัวในภาพรวม แต่ยังอยู่ในระดับสูง เท่าที่ผมทราบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในปักกิ่งครั้งนี้มีอาการไข้เป็นจำนวนมาก จากจำนวนการไปหาหมอในคลินิกไข้จะวินิจฉัยเบื้องต้นว่า ปักกิ่งกำลังอยู่ในช่วงพีคสุดของสถานการณ์โควิดระลอกนี้ แต่มีแนวโน้มลดลงอย่างช้า ๆ
มองจากทั่วโลกจะพบว่า ขณะที่ประเทศหรือเขตแคว้นใดเริ่มผ่อนคลายนโยบายต่อสู้กับโควิด ล้วนจะเกิดปัญหาผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและขาดแคลนทรัพยากรด้านการแพทย์ในระยะสั้น เวลานี้ นโยบายของจีนในการต่อสู้กับโควิดกำลัง “เปลี่ยนเกียร์” ได้เปลี่ยนจุดสำคัญของการต่อสู้กับโควิดจากการป้องกันการติดเชื้อสู่การรักษาพยาบาล หลีกเลี่ยงไม่ได้จะมีช่วงปรับตัว รัฐบาลจีนรณรงค์ให้ส่งเสริมการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั้งปวงโดยเฉพาะผู้สูงวัย เน้นเพิ่มการจัดหายารักษาโรคและการเตรียมทรัพยากรการรักษาพยาบาลให้พร้อม ประกันให้ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์หรือคลอดบุตร เด็ก และผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังได้รับการรักษาอย่างทันเวลา มีประสิทธิภาพและสะดวกรวดเร็ว ซึ่งไม่เพียงแต่สอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเรียกร้องใหม่ ผ่านช่วงปรับตัวด้านการปรับปรุงนโยบายโดยเร็ว หากยังสะท้อนให้เห็นถึงปณิธานเดิมของจีนในการต่อสู้กับโควิดมาโดยตลอดว่า ประชาชนอยู่เหนือสุด ชีวิตอยู่เหนือสุด
สำหรับกรณีที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกรุงปักกิ่งเมื่อไม่นานมานี้ ปักกิ่งได้ปรับปรุงระบบการรักษาพยาบาลแบบแบ่งระดับ ดัดแปลงสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานเพื่อเพิ่มจำนวนและขยายเนื้อที่คลินิกไข้อย่างต่อเนื่อง จำนวนคลินิกไข้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 94 แห่งเป็น 1,263 แห่ง โดยเขตสือจิ่งซานซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานของผมก็ได้จัดคลินิกไข้ในหอกีฬาสือจิ่งซานตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม เปิดบริการสั่งยาตรงกับโรคให้กับผู้ป่วยเป็นไข้อายุ 16 - 65 ปี ส่วนเขตซีเฉิงซึ่งเป็นที่อยู่ของบ้านผมก็ได้ส่งกระเป๋าสู้โควิดซึ่งรวมถึงยา หน้ากากอนามัย ชุดตรวจแอนติเจน เป็นต้น ให้กับครอบครัวผู้อยู่อาศัยถาวรในเขตประมาณ 450,000 ครอบครัว โดยมาตรการที่อบอุ่นเหล่านี้ได้คลี่คลายความตึงเครียดและความกังวลของชาวบ้าน ทำให้ผู้คนมีความมั่นใจต่อสู้กับโควิด
สิ่งที่น่าหยิบยกมาพูดอีกด้วยคือ ในขณะที่ปักกิ่งประสบความยากลำบาก หลายมณฑลของจีน อาทิ มณฑลซานตง หูหนาน เจียงซู และฮกเกี้ยน เป็นต้น จัดทีมแพทย์รักษาพยาบาลผู้ป่วยหนักออกเดินทางมากรุงปักกิ่งเพื่อช่วยเหลืองานรักษาโควิด ผ่อนคลายสภาพที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในปักกิ่งไม่พอ ผู้ส่งพัสดุด่วนหลายพันรายจากทั่วประเทศจีนก็ขานรับคำเรียกร้องเดินทางมาปักกิ่งอย่างทันเวลา ได้คุ้มครอง “หนึ่งกิโลเมตรสุดท้ายแห่งโลจิสติกส์” โดยมาตรการที่วางแผนและประสานงานกันทั่วประเทศ รวมกำลังทำเรื่องใหญ่ก็แสดงถึงข้อได้เปรียบของระบอบจีน
จากการสังเกตการณ์ของผม ทัศนคติของชาวปักกิ่งซึ่งอยู่รอบตัวผมที่มีต่อไวรัสก็สงบมากขึ้น ผู้ที่ตื่นตระหนกมีจำนวนน้อยลง ผู้ที่เผชิญหน้าด้วยความใจเย็นมีจำนวนมากขึ้น เพื่อนของผมหลายคนโพสต์ประสบการณ์ติดเชื้อลงในโซเชียลของวีแชท หวังว่าจะเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับคนอื่น ทุกคนต่างอวยพรให้รักษาสุขภาพให้ดี ในคอนโดที่ผมอาศัยอยู่ มีชาวบ้านยาไม่พอกิน ส่งข้อมูลขอความช่วยเหลือที่กลุ่มชุมชนของวีแชท อีกไม่นานก็มีเพื่อนบ้านเอายาที่เหลือแบ่งให้เธอ โดยเจตนารมณ์ของชาวบ้านที่สมานสามัคคี คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันแบบนี้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับปักกิ่งในการก้าวพ้นจากความยากลำบากครั้งนี้ได้อย่างมั่นคง
กรุงปักกิ่งซึ่งเป็นบ้านเกิดของผมกำลังผ่านวันเวลาที่ยากเป็นพิเศษช่วงหนึ่ง แต่พลเมืองทุกคนล้วนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมแรงร่วมใจต่อสู้กับโควิด ผมพบว่า รถในถนนมีจำนวนมากกว่าเดิม เพื่อนร่วมงานที่หายป่วยแล้วบางคนได้กลับมาทำงานอีก ภัตตาคารบางแห่งได้เริ่มมีคนรอคิว บรรยากาศสีสันของเมืองกำลังฟื้นฟูอยู่เรื่อย ๆ เวลานี้พอดีอยู่ช่วงอากาศหนาวเหน็บ แต่นครปักกิ่งที่มีประชากรกว่า 20 ล้านคนยังคงรักษาความอบอุ่นของเมือง ความมั่นใจสำคัญกว่าทองคำ ทุกคนเชื่อว่า พ้นฤดูหนาวนี้ย่อมจะต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ
เขียนโดย ชุย อี๋เหมิง ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)
(Yim/Cui)
