วันที่ 11 มีนาคม คณะกรรมาธิการสาธารณสุขและสุขภาพแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า เพื่อปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ได้ผลดียิ่งขึ้น หน่วยงานร่วมกลไกประสานงานการป้องกันและควบคุมของคณะรัฐมนตรีจีน ตัดสินใจว่า บนพื้นฐานการตรวจนิวคลีอิกนั้นจะเพิ่มการตรวจหาแอนติเจนด้วย โดยปัจจุบันได้กำหนดประกาศ “แผนปฏิบัติการตรวจหาแอนติเจนโควิด-19 (ฉบับทดลอง)”

แผนดังกล่าวกำหนดกลุ่มผู้คนที่เหมาะสำหรับการตรวจหาแอนติเจน คือ หนึ่ง ผูที่ไปรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลระดับล่าง มีอาการในระบบทางเดินหายใจและมีไข้ขึ้นเป็นเวลาภายใน 5 วัน สอง คือ ผู้ที่อยู่ในช่วงกักตัวสังเกตการณ์ รวมถึงผู้ที่กักตัวที่บ้าน ผู้สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน ผู้ที่กักตัวหลังจากเข้าเมืองจากต่างประเทศ ผู้ที่อยู่ในเขตถูกปิดและควบคุม และสาม คือ พลเมืองในชุมชนที่ตนเองมีความต้องการตรวจหาแอนติเจน

แผนดังกล่าวได้กำหนดเงื่อนไขบังคับและช่องทางการได้รับชุดตรวจสำหรับกลุ่มคนดังกล่าว กำหนดขั้นตอนการจัดการเมื่อพบผู้ที่มีผลเป็นบวก และส่งเสริมให้ประสานการตรวจหาแอนติเจนกับการตรวจกรดนิวคลีอิกเข้าด้วยกัน

ตามแผนกำหนดไว้ว่า พลเมืองในชุมชนที่มีความต้องการตรวจหาแอนติเจนนั้น สามารถสั่งซื้อชุดตรวจจากร้านยาหรือผ่านทางอินเทอร์เน็ต รวมทั้งตรวจด้วยตนเองได้

คณะกรรมาธิการสาธารณสุขและสุขภาพ ระบุไว้ว่า ผลการตรวจกรดนิวคลีอิกยังคงเป็นหลักฐานยืนยันการติดโควิด-19 ส่วนผลการตรวจหาแอนติเจนจะนำมาใช้สำหรับกลุ่มคนพิเศษ ซึ่งจะมีส่วนช่วยต่อการพบผู้ป่วยโดยเร็ว

แผนดังกล่าวกำหนดด้วยว่า หากโรงพยาบาลระดับล่างมีความสามารถในการตรวจกรดนิวคลีอิกก็ต้องตรวจกรดนิวคลีอิกก่อน หากไม่สามารถตรวจกรดนิวคลีอิกก็ให้ตรวจแอนติเจน สำหรับผู้ที่อยู่ระหว่างการกักตัวและพลเมืองในชุมชนที่จะตรวจแอนติเจนนั้น จะต้องอ่านคำอธิบายอย่างจริงจังและปฏิบัติตามข้อกำหนด เมื่อพบผลบวกต้องรีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบทันที หากจำเป็นก็ต้องตรวจกรดนิวคลีอิกเพื่อยืนยันผล

เมื่อเทียบกับการตรวจกรดนิวคลีอิกแล้วการตรวจหาแอนติเจนมีความรวดเร็วและทำได้สะดวกกว่า แต่มีความแม่นยำต่ำกว่า โดยทั่วไปแล้วจะใช้กับกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในระยะติดเชื้อฉุกเฉิน เมื่อพบผลเป็นบวกจะมีส่วนช่วยต่อการแยกตัวและควบคุมกลุ่มผู้ต้องสงสัยในระยะต้น แต่จะไม่ใช้เป็นหลักฐานการวินิจฉัยและยืนยันผู้ป่วยโรคโควิด-19

Tim/LR/Cui