‘สี จิ้นผิง’: ผู้บัญชาการใหญ่สงครามบูรณาการควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม (2)

2022-04-19 09:34:39 | CMG
Share with:

เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่ระบาดได้อย่างรุนแรงได้ลุกลามไปยัง 28 มณฑลในประเทศจีนอย่างรวดเร็ว ผู้ติดเชื้อสะสมในท้องถิ่นมีจำนวนเกิน 70,000 ราย จำนวนพื้นที่ที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางและสูงทะลุ 600 แห่ง งานป้องกันและต้านโควิด-19 ในจีนกำลังเผชิญความท้าทายที่หนักหน่วง

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม คณะกรรมการประจำสำนักการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดประชุมวิเคราะห์สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และวางนโยบายรับมือ โดยนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวชี้ว่า "ต้องยืนหยัดการถือประชาชนสำคัญที่สุดและชีวิตสำคัญที่สุดโดยตลอด ยืนหยัดที่จะดำเนินการอย่างแม่นยำและถูกหลักวิทยาศาสตร์ ดำเนินการควบคุมให้เหลือศูนย์ เพื่อยับยั้งแนวโน้มการแพร่ระบาดและลุกลามของโรคโควิด-19 โดยเร็วที่สุด" "ต้องบูรณาการการป้องกันควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมให้ดี ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พยายามบรรลุผลลัพธ์ให้ได้มากที่สุดในการป้องกันควบคุมโรคระบาดด้วยต้นทุนที่น้อยที่สุด และลดผลกระทบของโรคระบาดที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เหลือน้อยที่สุด"

เมื่อเผชิญกับโรคโควิด-19 ที่ระบาดซ้ำซากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบศตวรรษ สี จิ้นผิงสั่งการและวางแผนงานด้วยตนเอง รับมือกับความยากลำบากแสนสาหัสด้วยนโยบายที่ถูกหลักวิทยาศาสตร์ สามัคคีและนำประชาชนนับพันล้านคนพยายามเอาชนะสงครามแห่งการบูรณาการการป้องกันควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมด้วยปฏิบัติการที่ไม่ธรรมดาในการดำเนินเรื่องใหญ่สองประการให้ดี ซึ่งก็คือ การพัฒนาและความปลอดภัย 

‘สี จิ้นผิง’: ผู้บัญชาการใหญ่สงครามบูรณาการควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม (2)

การป้องกันและควบคุมโรคระบาดเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ

ภายใต้การชี้นำของแนวคิด "ประชาชนสำคัญที่สุด ชีวิตสำคัญที่สุด" ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น จีนได้ปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพร่างกายของประชาชนในระดับสูงสุด และยิ่งได้เสนอพื้นฐานที่แน่นหนาสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

ดังที่สี จิ้นผิง กล่าวชี้ว่า “การพัฒนาเศรษฐกิจและการป้องกันควบคุมโรคระบาดของประเทศเราได้รักษาไว้ซึ่งสถานะนำหน้าทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงพลังอันแข็งแกร่งและขีดความสามารถอันยิ่งใหญ่ของประเทศเราในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด แสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ถึงความได้เปรียบอันโดดเด่นแห่งภาวะผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและระบบสังคมนิยมของประเทศเรา”

นับตั้งแต่การป้องกันควบคุมโรคระบาดเข้าสู่ภาวะปกติใหม่ สี จิ้นผิงได้สั่งการและวางแผนภารกิจการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยตนเอง โดยกำหนดกลยุทธ์โดยรวม คือ "ป้องกันการนำเข้าจากต่างประเทศ ป้องกันการกลับมาระบาดใหม่ภายในประเทศ" และแนวนโยบายหลัก คือ "ควบคุมให้เหลือเป็นศูนย์"  

หัวใจของ "ควบคุมให้เหลือเป็นศูนย์" นั้น หนึ่งคือรวดเร็ว สองคือแม่นยำ โดยมุ่งเน้นการพยายามตรวจพบและบริหารจัดการโรคระบาดแต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่จำนวนผู้ติดเชื้อยังน้อย และให้ความสำคัญกับระบบป้องกันควบคุมโรคระบาดขั้นพื้นฐาน ซึ่งไม่ได้เป็นการแสวงหา “การติดเชื้อเป็นศูนย์” แต่จะควบคุมและกำจัดให้เหลือเป็นศูนย์หากพบการระบาดของโควิด-19ในแต่ละครั้ง และพยายามรักษามาตรฐานขั้นต่ำสุดไว้ คือ ไม่เกิดการกลับมาระบาดในวงกว้าง  "ควบคุมให้เหลือเป็นศูนย์" ที่รวดเร็วและแม่นยำถือเป็น "อาวุธวิเศษ" ของจีนในการควบคุมโรคโควิด-19

ในปี 2021 การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเกิดจากไวรัสกลายพันธุ์เดลตานั้นครั้งหนึ่งเคยลุกลามไปยังกว่า 20 มณฑลของจีน

จีนยืนหยัดใช้แนวนโยบายหลัก คือ "ควบคุมให้เหลือเป็นศูนย์" โดยได้ใช้มาตรการป้องกันและควบคุมอย่างรวดเร็วเพื่อต่อสู้กับไวรัสกลายพันธุ์เดลตา บริหารจัดการสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แบบกลุ่มก้อนมากกว่า 30 ครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ซึ่งโดยทั่วไปสามารถควบคุมโรคระบาดได้ภายในช่วงเวลาหนึ่งระยะฟักตัวของเชื้อไวรัส (14 วัน)

‘สี จิ้นผิง’: ผู้บัญชาการใหญ่สงครามบูรณาการควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม (2)

ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันทั่วโลกสะสมเกิน 480 ล้านคน และจำนวนผู้เสียชีวิตมีมากกว่า 6 ล้านคน จำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และผู้เสียชีวิตในประเทศจีนต่างคงไว้ได้ในระดับที่ต่ำ

สื่อมวลชนต่างประเทศบางสำนักสะท้อนมุมมองว่า จีนเป็นประเทศเดียวในโลกที่สามารถควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสกลายพันธุ์เดลตาได้

หลังเข้าสู่ปี 2022 การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงซับซ้อนและแปรปรวน ยังไม่มีจุดเปลี่ยนที่เห็นได้ชัด  ปัจจุบันกำลังอยู่ช่วงการระบาดอย่างรุนแรงทั่วโลกระลอกที่สี่ โดยมีรายงานจำนวนผู้ป่วยมากกว่า 10 ล้านรายทุกสัปดาห์

“คณะกรรมการพรรคและรัฐบาลทุกระดับต้องเข้มงวดในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดตลอดเวลา ยืนหยัดที่จะถือการป้องกันเป็นหลัก ดำเนินภารกิจ"ป้องกันการนำเข้าจากต่างประเทศ ป้องกันการกลับมาระบาดใหม่ภายในประเทศ" อย่างต่อเนื่อง รัดกุม จริงจัง และครอบคลุม ยกระดับความเป็นวิทยาศาสตร์และความแม่นยำในการป้องกันควบคุมโรคระบาด” สี จิ้นผิงได้เสนอข้อเรียกร้องอย่างชัดเจนโดยพิจารณาจากลักษณะใหม่ของสถานการณ์โรคระบาดทั่วโลกและความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นในการป้องกันและควบคุมขณะลงพื้นที่ตรวจงานและศึกษาค้นคว้าในมณฑลซานซีก่อนเทศกาลตรุษจีนปีนี้

ผลการวิจัยและประเมินทางวิทยาศาสตร์อย่างรัดกุมพิสูจน์ให้เห็นว่า ด้วยสภาพประเทศในปัจจุบันของจีนซึ่งมีฐานประชากรทั้งหมดมากกว่า 1,400 ล้านคนและมีกลุ่มผู้สูงอายุจํานวนมาก หากไม่ดำเนินการป้องกันและควบคุมเข้มงวดอย่างทันท่วงที ก็ย่อมจะก่อให้เกิดการกลับมาระบาดวงกว้างในที่สุด ระบบการรักษาพยาบาลของจีนจะเผชิญความเสี่ยงล่มสลาย และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง กรณีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในมณฑลจี๋หลิน นครเซี่ยงไฮ้ และพื้นที่อื่น ๆ ของจีนถือเป็นคําเตือนในระดับสูง

มีผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า แม้อัตราการเสียชีวิตในช่วงการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนได้ลดลงก็จริง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากโควิด-19 นั้นกลับสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันที่เคยเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เดลตา

"ยืนหยัดที่จะควบคุมให้เหลือเป็นศูนย์อย่างถูกหลักวิทยาศาสตร์และแม่นยำ" เวลาเผชิญภัยคุกคามต่อความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพร่างกายของประชาชนจากโรคระบาดที่แปรปรวน คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่มีสี จิ้งผิงเป็นแกนหลัก ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน

สี จิ้นผิงเน้นย้ำหลายครั้งว่าโรคระบาดยังไม่ได้ผ่านพ้นไป เมื่อเกิดระบาดขึ้นมันจะลุกลามเร็วมาก ฉะนั้นเมื่อพบแล้วต้องบริหารจัดการด้วยมาตรการที่เข้มงวด จะผ่อนคลายไม่ได้เป็นอันขา จะ “มืออ่อน” ไม่ได้เป็นอันขาด

หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอน สถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศและภูมิภาคทั่วโลกทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาอันสั้น เนื่องด้วยจีนได้ดำเนินมาตรการแทรกแซงที่มีประสิทธิภาพประการต่าง ๆ จึงสามารถทำให้ “เส้นกราฟที่เดิมจะลาดชันนี้ได้แบนราบลง”

การประชุมคณะกรรมการประจำสำนักการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม เน้นย้ำว่า ทุกภูมิภาค ทุกหน่วยงาน และทุกภาคส่วน ต้องปฏิบัติตามนโยบายและแผนงานที่กำหนดขึ้นโดยคณะกรรมการกลางพรรคอย่างเป็นเอกภาพทั้งทางความคิดและปฏิบัติการ พรรคและรัฐบาลแบกรับความรับผิดชอบเดียวกัน บริหารจัดการร่วมกัน ปฏิบัติภาระหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบอย่างสุดกำลังความสามารถ ยกขีดความสามารถด้านการป้องกันโรคระบาด ต้องเสริมสร้างการจัดวางและการนำ ขจัดความประมาททางความคิด ความเบื่อหน่ายการต่อสู้ทางอารมณ์ความรู้สึก ความเสี่ยงโชคทางจิตวิทยา และความผ่อนคลายทางท่าที เพื่อดำเนินภารกิจการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในด้านต่าง ๆ ด้วยจิตวิญญาณแห่งการหวงแหนและใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สี จิ้นผิง ได้ชี้ให้เห็นอย่างลึกซึ้งว่า การป้องกันและควบคุมโรคระบาดเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ

การดูแลชีวิตและสุขภาพของประชาชนจีนมากกว่า 1,400 ล้านคนนั้นเป็นเรื่องที่ “ใหญ่ยิ่งกว่าฟ้า”

Tim/Lu

  • เสียงข่าวประจำวัน (18-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (18-04-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (18-04-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (17-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (17-04-2567)

陆永江