เทศกาลหมางจ้ง เป็นช่วงที่ "3 พี่น้องกุหลาบในจีน" กำลังบานสะพรั่ง

พวกมันคือ กุหลาบจีน, กุหลาบ และกุหลาบเลื้อย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในตระกูล Rosaceae วันนี้ จะมาแนะนำความต่างของทั้งสาม

1-กุหลาบจีน

ได้สมญานามว่า "ราชินีแห่งดอกไม้" บานได้ในเกือบทุกฤดูกาล โดยทั่วไปจะออกดอกเดี่ยว มีขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 5 ซม. ส่วนใหญ่เป็นกลีบซ้อน มีหลายสี สีสันจัดจ้าน มักใช้เป็นดอกไม้ประดับ

ลักษณะของกิ่งก้านจะคล้ายกับกุหลาบ แต่ก้านจะตรงสูงชะลูดกว่า อีกทั้งมีหนามน้อยกว่ากุหลาบด้วย

ใบของกุหลาบจีนส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่ ปกติมี 3-5 ใบ และมีความเงา

2-กุหลาบ

ส่วนใหญ่เป็นดอกเดี่ยว และบานเพียงครั้งเดียวในฤดูร้อน ดอกเล็กกว่ากุหลาบจีน

กิ่งดอกตั้งตรงมีหนามมาก ถ้าเป็นกุหลาบสายพันธุ์ดั้งเดิมแท้จะมีฐานดอกอ่อน ไม่เหมาะใช้เป็นไม้ประดับ

ใบของกุหลาบค่อนข้างเล็กแต่หนา มีประมาณ 5-10 ใบ มีรอยย่นยับ ด้านหลังจะมีขนอ่อนด้วย

และเมื่อเทียบกับกุหลาบอีก 2 ชนิดที่แนะนำในวันนี้ เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของกุหลาบคือ มีกลิ่นหอมจัดกว่า ส่วนใหญ่จึงใช้สกัดน้ำมันหอมระเหยหรือเป็นเครื่องเทศ ซึ่งราคาจะแพงกว่ากุหลาบจีนหลายเท่า

3-กุหลาบเลื้อย

ดอกมีขนาดพอๆกับกุหลาบ และบานเพียงปีละครั้งเท่านั้น มักจะออกดอกเป็นพุ่ม อาจมี 6-7 ดอกในหนึ่งช่อ สีของดอกก็มีมากมาย ทั่วไปเป็นสีแดง สีขาว สีชมพู สีเหลือง ฯลฯ

กุหลาบเลื้อย มีกิ่งเรียวโค้งและค่อนข้างอ่อน มักโตเป็นพุ่มกระจุก ดังนั้น ใบจึงมีขนาดเล็กและหนาแน่นมากกว่ากุหลาบและกุหลาบจีน ขอบใบมีรอยหยักและมีขนทั้งสองด้าน

♦ เกร็ดความรู้ ♦

ผู้เชี่ยวชาญด้านพืชสวนแนะนำว่า วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เนื่องจากอุณหภูมิในซีกโลกเหนือยังไม่อุ่นขึ้น และกุหลาบที่บานในฤดูร้อนยังไม่ถึงเวลาบาน อีกทั้งมีฐานดอกที่อ่อน จึงมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ใช้เป็นเครื่องเทศสูงกว่าใช้เป็นไม้ประดับ ดังนั้น ดอกกุหลาบที่ขายในวันวาเลนไทน์ มักจะเป็นดอกกุหลาบจีนที่มีรูปทรงคล้ายดอกกุหลาบ

ส่วนกุหลาบเลื้อยนั้น เนื่องจากมีเอกลักษณ์ความงามแบบดั้งเดิม จึงมักใช้ประดับสวนร่วมกับพืชชนิดอื่นๆ

Yim/Ldan/Chu