การปฏิรูปองค์กรเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รุ่นเก่าจำนวนมากถอนตัวออกจากแนวหน้าและส่งมอบภารกิจให้กับเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ แต่ประเด็นการปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่รุ่นเก่ายังคงมีความเข้าใจที่ผิดอยู่ในสังคมขณะนั้น บางคนมองว่าการดูแลเจ้าหน้าที่รุ่นเก่าเป็น "ภาระ" ในขณะที่บางคนมองว่าหน่วยงานระดับสูงดูแลเจ้าหน้าที่รุ่นเก่ามากเกินไป และบางคนถึงกับมองว่าการดูแลเจ้าหน้าที่รุ่นเก่าอย่างดีเป็นการให้อภิสิทธิ์แก่พวกเขา
นายสี จิ้นผิง ในตอนนั้นได้สร้างความเข้าใจกับเรื่องดังกล่าวโดยท้าวความถึง เจิ้ง ป่านเฉียว ชาวจีนสมัยราชวงศ์ชิงแต่งบทกวีไว้ว่า "ไผ่ใหม่สูงกว่าไผ่เก่า เป็นเพราะได้รับการอุ้มชูจากไผ่เก่า ปีหน้าจะมีไผ่ใหม่งอกงามอีก ทะเลสาบย่อมจะล้อมรอบไปด้วยไผ่อ่อนที่สูงยิ่งขึ้น” การเปรียบเปรยของสี จิ้นผิง นี้สะท้อนว่าการถ่ายทอดความรู้ การปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่าง การสนับสนุนและความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่รุ่นเก่านั้นเป็นสิ่งที่สนับสนุนการเติบโตของเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ และเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่เองควรให้ความเคารพเจ้าหน้าที่รุ่นเก่าอย่างจริงใจจึงจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่สามัคคีและร่วมมือกันอย่างจริงใจและกลมกลืน นำมาซึ่งการร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันภารกิจของพรรคให้พัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
ในอำเภอเจิ้งติ้งมีเจ้าหน้าที่รุ่นเก่าหลายคนที่เข้าร่วมในการปฏิวัติก่อนปี 1938 ซึ่งเรียกกันว่าเจ้าหน้าที่ "8 มีนาคม" (เจ้าหน้าที่ "8 มีนาคม" เป็นศัพท์แสลงที่หมายถึงบุคคลที่เข้าร่วมในการปฏิวัติระหว่างปี 1937 ถึง 1938 และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วงเวลาเดียวกัน) สี จิ้นผิง มักจะพูดว่า "สหายเก่าแก่เหล่านี้เราจะเอาตัวไปเปรียบเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร ในช่วงเวลาที่ทหารญี่ปุ่นรุกรานจีนเป็นวงกว้างคนเหล่านี้ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนและต่อสู้อย่างไม่เห็นแก่ชีวิตเพื่อปลดปล่อยประชาชาติจีน จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เพื่อประชาชนโดยไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนของพวกเขาเหล่านี้ พวกเราควรเรียนรู้ตลอดชีวิต"
คำบรรยายภาพ: สี จิ้นผิงเยี่ยมเยียนสหายเก่าที่เคยทำงานร่วมกันในอำเภอเจิ้งติ้งระหว่างการลงพื้นที่ตรวจงานในมณฑลเหอเป่ย
ซ่ง เหลียนเจี๋ย ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภอเจิ้งติ้งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ "8 มีนาคม" เขาเคยเข้าร่วมในกองกำลังท้องถิ่นในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่น เมื่อเขาอายุ 70 ปี และ ครอบครัวของเขาอยู่ห่างไกล สี จิ้นผิง จึงให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการย้ายบ้านของซ่ง เหลียนเจี๋ย มาที่บริเวณทิศใต้ของถนนที่อยู่ตรงหน้าที่ทำการของคณะกรรมการพรรคประจำอำเภอ เพื่อให้บรรดาสหายในคณะกรรมการพรรคประจำอำเภอสามารถช่วยกันดูแลซ่ง เหลียนเจี๋ยได้สะดวก
ซ่ง เหลียนเจี๋ย รู้สึกซาบซึ้งใจและมักจะพูดกับคนอื่นๆ ว่า "ชายหนุ่มที่ดีที่รับช่วงภารกิจการปฏิวัติและเจ้าหน้าที่ที่ดีของประชาชนอย่างสี จิ้นผิง หาได้ยากมาก!"
สี จิ้นผิง บอกกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานกิจการเจ้าหน้าที่เกษียณอายุราชการของอำเภอเจิ้งติ้งหลายครั้งว่า เจ้าหน้าที่รุ่นเก่าเป็นสมบัติล้ำค่าของพรรค และเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องดูแลพวกเขาอย่างดี เพื่อให้พวกเขามีสุขภาพดี มีอายุยืนยาวและใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข การดูแลเจ้าหน้าที่รุ่นเก่านั้น ควรพูดให้น้อยทำสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมให้มาก ควรส่งมอบความอบอุ่นและความสะดวกสบายให้แก่พวกเขามากยิ่งขึ้น
สี จิ้นผิง ยืนหยัดที่จะให้เจ้าหน้าที่รุ่นเก่ามีสิทธิ์ใช้รถจี๊ป 212 ของคณะกรรมการพรรคประจำอำเภอก่อนคนอื่นๆ เขาริเริ่มการจัดหาสถานที่จัดกิจกรรมนันทนาการให้กับเจ้าหน้าที่รุ่นเก่าอย่างแข็งขัน เจ้าหน้าที่รุ่นเก่าจำนวนมากมีโรคประจำตัวจากการทำงานหนักเป็นเวลานานระหว่างการต่อสู้เพื่อการปฏิวัติ สี จิ้นผิง ช่วยแก้ไขปัญหาการรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพของพวกเขาอย่างเหมาะสม
ความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสรรค์ทีมผู้นำ ทีมผู้นำที่ดีนั้นต้องมีความสามัคคีและความร่วมมือเป็นอย่างดี มีความตั้งใจและความสามารถในการสร้างความสามัคคีอย่างแท้จริง สี จิ้นผิง มีความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง
ระหว่างที่สี จิ้นผิง ทำงานที่อำเภอเจิ้งติ้งนั้น หลี่ว์ อี้ว์หลาน ผู้เป็นต้นแบบผู้ใช้แรงงานที่มีชื่อเสียงระดับชาติดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำอำเภอ เธอไม่เพียงแต่สนับสนุนสี จิ้นผิง ในหน้าที่การงานอย่างเต็มที่เท่านั้น หากยังเอาใจใส่ชีวิตความเป็นอยู่ของสี จิ้นผิง เธอคอยคิดถึงเรื่องอาหารและชีวิตประจำวันของสี จิ้นผิง มักจะนำไข่ไก่ บะหมี่แห้งและของว่างจากบ้านมาให้ และมักจะแนะนำให้สี จิ้นผิง ทานข้าวให้ตรงเวลาและออกกำลังกายบ่อยๆ
สี จิ้นผิง ก็นับถือ หลี่ว์ อี้ว์หลาน เสมือนเป็นพี่สาว เขาเคารพ ไว้วางใจและสนับสนุนการทำงานของหลี่ว์ อี้ว์หลานอย่างเต็มที่เช่นกัน เมื่อครั้งหลี่ว์ อี้ว์หลาน ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เหอเป่ย เธอไม่สามารถกลับไปอำเภอเจิ้งติ้งได้บ่อยนัก สี จิ้นผิง จึงมักจะใช้ช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเธอกลับบ้านเพื่อพักผ่อนหรือมาที่สำนักงานในวันอาทิตย์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการทำงาน
สี จิ้นผิง เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภอที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของเจิ้งติ้ง เขากับสหายหลายคนซึ่งรวมถึงเฉิง เป่าหวาย และหลี่ว์ อี้ว์หลานสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทำงานอย่างจริงจัง พยายามบุกเบิกพัฒนาอย่างกล้าได้กล้าเสีย พวกเขาอุทิศตนอย่างไม่เห็นแก่ความยากลำบาก เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในอำเภอเจิ้งติ้ง พวกเขาได้บรรลุการร่วมใจ รวมแรงและร่วมมือในการทำงานอย่างแท้จริง จึงได้รับเสียงชื่นชมอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาเจ้าหน้าที่และประชาชนในอำเภอเจิ้งติ้ง
BO/LU