ประเทศกำลังพัฒนาถามจีน 10 ปี Belt&Road (2)

2023-02-01 15:52:21 | CRI
Share with:

ช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา จีนมีการลงทุนในโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”หรือ “Belt&Road” รวมกว่า 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นการร่วมมือในการพัฒนากับทั่วโลกด้วยเงินทองของแท้ ไม่เหมือนบางประเทศตะวันตกที่ดีแต่พูดว่าจะให้ความช่วยเหลือต่างประเทศ แต่ไม่มีแผนไม่เงินทุนมีแต่มโน

ปลายปี 2022 สมาคมผู้สื่อข่าวจีนจัดประชุมหัวข้อ “ร่วมสร้างสรรค์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษย์” โดยเชิญชวนผู้สื่อข่าวกว่า 60 คนจากกว่า 50 ประเทศมาร่วม    ดร.หวัง เหวินผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการเงินฉงหยางมหาวิทยาลัยเหริมหมิน (หนึ่งในคลังสมองของจีน)ผู้นำเสนอหลักในที่ประชุมครั้งนี้

ผู้สื่อข่าวเซเนกัลถามเรื่องกาปฏิบัติตามข้อริเริ่ม “Belt&Road”มีปัญหาเกี่ยวกับหนี้   

ดร.หวัง เหวินตอบว่าคุณคงได้ยินข่าวตะวันตกบ่อย ที่ประณามว่าจีนใช้ลัทธิความเป็นเจ้าหนี้ในการผลักดัน“Belt&Road” นี่เป็นประเด็นในการโจมตีที่ใหญ่สุดต่อ “Belt&Road” ผมขอกล่าวด้วยความรับผิดชอบว่า โครงการก่อสร้างที่จีนทำในแอฟริกานั้น ปัญหาหนี้ไม่ใช่ปัญหาสำคัญเสมอ   ผมขอยกตัวอย่างทางรถไฟที่เคนยา การสร้างทางรถไฟสายนี้ เคนยาเป็นหนี้จีน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐเคนยาเอารายได้จากการประกอบกิจการรถไฟสายนี้ไปคืนหนี้จีน สื่อตะวันตกบอกว่า จีนใช้ “ลัทธิจักรวรรดินิยมเจ้าหนี้”กับเคนยา แต่ข้อเท็จจริงคือหนี้จากทางรถไฟสายนี้เป็นเพียงร้อยละ 10 ของหนี้ที่เคนยามีเท่านั้น

เคนยาสร้างทางรถไฟสายนี้ ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ต่อปี สามารถที่จะคืนหนี้จีนด้วยผลกำไรที่เกิดจากทางรถไฟสายนี้ ไม่มีปัญหาเลย นี่เป็นหนี้คุณภาพดี สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การสร้างทางรถไฟสายนี้ ทำให้ราคาบ้านริมทางรถไฟสูงขึ้น สร้างความเจริญและโอกาสการพัฒนาจำนวนมากให้ชาวบ้านริมทางรถไฟ ถือว่ามีประสิทธิผลดีมาก คำว่า “ลัทธิจักรวรรดินิยมเจ้าหนี้”นั้นไร้สาเหตุ แต่เป็นคำที่มาจากความริษยา

ผู้สื่อข่าวอียิปต์ถาม จีนมีแผนขยายการลงทุนในประเทศอาหรับอย่างไร   

ดร.หวัง เหวินตอบว่า ผมเคยไปอียิปต์ 3 ครั้ง สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจมากที่สุดนั้น ไม่ใช่พีระมิดในกรุงไคโร แต่เป็นนิคมอุตสาหกรรมไท่ต๋าซูเอซที่บริษัทจีนช่วยสร้างขึ้น ห่างจากกรุงไคโรประมาณ 170 กิโลเมตร    ปี 2018 เพื่อนอียิปต์พาผมไปชมนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ เวลานั้นมีบริษัทจีนกว่าร้อยบริษัทอยู่ในนั้น มีโรงงานจำนวนมาก มีชาวจีนหลายพันคนทำงานที่โน่น และมีพนักงานที่เป็นชาวอียิปต์ประมาณ 20,000 คน นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ ได้สนองผลิตภัณฑ์ให้กับอียิปต์และโลกอาหรับ    ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอียิปต์ดีมาก จีนมีการลงทุนในอียิปต์เพิ่มมากทุกปี ปี 2020 จีนแซงหน้าสหรัฐอเมริกา กลายเป็นประเทศผู้ลงทุนในต่างประเทศใหญ่ที่สุดของโลก

ปีหลังๆ นี้ จีนมีการลงทุนต่อต่างประเทศเกินกว่า 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เงินทุนเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วโลก เป้าหมายการลงทุนส่วนหนึ่งจะไปแอฟริกาและประเทศอาหรับ คาดว่า 5 ปีข้างหน้า การลงทุนต่อต่างประเทศต่อปีของจีนอาจจะมีถึง 200,000 - 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การลงทุนขนาดใหญ่แบบนี้ จะสร้างโอกาสการพัฒนาอย่างใหญ่หลวงให้กับทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา 

ผู้สื่อข่าวอุซเบกิสถานถามว่า ตะวันตกกำลังสร้างความเป็นปรปักษ์ด้านข่าวสารและสารสนเทศ ควรใช้วิธีอะไรในรักษาความมั่นคงของ“Belt&Road”

ดร.หวัง เหวินตอบว่าขอบคุณปัญหาของมิตรจากอุซเบกิสถาน ผมเคยไปอุซเบกิสถาน 2 ครั้ง เป็นประเทศที่สวยมาก ประเด็นของคุณสำคัญมาก ตะวันตกมิพียงใส่ร้ายจีนในด้านข่าว ทั้งยังกดดันขัดขวางการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน อาทิ ชิป    ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาก่อสงครามการค้าต่อจีนแต่ไม่สำเร็จ ไม่สามารถขัดขวางการพัฒนาของจีน คำสั่งห้ามในด้านชิป ก็ไม่สามารถขัดขวางการพัฒนาของจีนเช่นกัน ผมเชื่อมั่นว่า ใน 5-10 ปีข้างหน้า จีนจะสามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีของจีนเอง   นอกจากนั้น สหรัฐฯ ใส่ร้าย “Belt&Road” ของจีนอย่างต่อเนื่อง สร้างภาพลักษณ์เชิงลบให้กับจีน จีนมีสำนวนโบราณว่า “ความเป็นธรรมอยู่ในจิตใจของผู้คน” ปัจจุบัน ชาวโลกจำนวนมากขึ้นมีความคิดของตัวเองเพื่อพิจารณาว่าจีนเป็นประเทศอย่างไร   ไม่ว่าตะวันตกจะใส่ร้ายจีนอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงคือ จีนไม่เคยก่อสงครามใดๆ ไม่ได้เข้าร่วมสงคราม ไม่ได้นำมาซึ่งการปะทะและภัยพิบัติ  จีนมีแต่นำมาซึ่งผลประโยชน์ต่างๆ อาทิ การค้า ความร่วมมือและสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เราก็หวังว่า บรรดาผู้สื่อข่าวจะทำการรายงานข้อเท็จจริงอย่างละเอียดให้ชาวโลกได้ทราบ

ผู้สื่อข่าวลาวถาม หลายปีมานี้ ในระหว่างการดำเนินโครงการต่างๆ ของ “Belt&Road” มีปัญหาหรือความลำบากอะไรบ้าง

 ดร.หวัง เหวินตอบว่าจีนมีความสามารถสูงมากในการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน อย่างเช่น การสร้างอาคารสูง ใช้เวลาหลายเดือนก็สร้างเสร็จ สร้างสะพานใหญ่ข้ามแม่น้ำหลายร้อยเมตร อาจจะ 1-2 ปีก็สร้างเสร็จ สร้างท่าเรืออาจจะ 2-3 ปี สร้างทางรถไฟ 1-3 ปี แต่เมื่อบริษัทจีนไปทำที่ต่างประเทศ ก็ต้องเผชิญกับปัญหาซับซ้อนจำนวนมาก อาทิ เงินทุน กฎหมาย ภาษาวัฒนธรรม เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวอิรักถาม อิรักมีฐานะสำคัญมากน้อยแค่ไหนใน “Belt&Road”ของจีน เมื่อไหร่จะเปิดการลงทุนขนาดใหญ่ในอิรัก 

ดร.หวัง เหวินตอบว่าอิรักเป็นประเทศที่จีนให้ความสำคัญมาก เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันตก ปีหลังๆ นี้ การค้าระหว่างจีนกับอิรักพัฒนาเร็วมาก ปัจจุบัน ยอดการค้าเกินกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี จีนมีการลงทุนราว 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี    แต่ขอพูดตรงๆ ว่า การลงทุนของจีนในอิรักที่เป็น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีนั้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับยอดการลงทุนในต่างประเทศของจีน ที่เป็น 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ยังไม่ถึงร้อยละ 1 สาเหตุที่ทำให้จีนยังไม่สามารถลงทุนขนาดใหญ่ในอิรักมี 3 ประการ   หนึ่งคือความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างจีนกับอิรัก โดยเฉพาะด้านพลังงานและสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน จะถูกจำกัดจากสหรัฐอเมริกา เพราะสหรัฐอเมริกามีอิทธิพลสูงมากในอิรัก เมื่อจีนอยากลงทุนในอิรักมากขึ้น สหรัฐอเมริกาก็บอกว่า จีนอยากจะควบคุมอิรัก    ประการที่สองคือข้อขัดแย้งระหว่างชนเผ่าหลังสงคราม นักธุรกิจจีนเป็นห่วงการลงทุนล้มเหลว   และประการที่สามคือปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อย่าง    เช่นภาวะนิเวศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อิรักมีฐานะทางภูมิศาสตร์สำคัญมาก มีความสามารถและมีศักยภาพสูง จีนยินดีร่วมมือกับอิรัก เชื่อมั่นว่าจะมีการลงทุนในอิรักมากขึ้น

ดร.หวัง เหวินระบุว่าปีหลังๆ นี้ การค้าระหว่างจีนกับประเทศรายทาง “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปีหลังๆ นี้ การเติบโตของการค้าต่างประเทศของประเทศส่วนใหญ่ติดลบ แต่กาค้าระหว่างจีนกับประเทศรายทาง  “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”ส่วนใหญ่มีการเติบโตกว่าร้อยละ 10 ต่อปี

ดร.หวัง เหวินระบุว่า ปัจจุบัน โลกาภิวัฒน์ที่มีจีนเป็นผู้นำนั้น ไม่ใช่จะสร้างกรอบที่ถือจีนเป็นศูนย์กลาง ประเทศอื่นอยู่โดยรอบ จีนไม่มีความมุ่งหมายเช่นนี้ ถ้าหากจีนเข้มแข็งยิ่งขึ้นและพัฒนายิ่งขึ้น โครงสร้างโลกที่จีนหวังนั้นจะเป็นโครงสร้างเครือข่ายที่เสมอภาค จีนหวังความเท่าเทียมกันระหว่างคนกับคน มีความเสมอภาคระหว่างประเทศ

จนถึงปี 2019จีนได้ทำการประชาสัมพันธ์”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”เสร็จสิ้นในขั้นแรก ต่อไปจีนหวังว่าจนถึงปี 2049 จีนจะอัปเกรด”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”ให้เป็นฉบับ 2.0 ที่เสน้นการพัฒนาอย่างมีคุณภาพสูง สร้างเส้นทางสายไหมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เส้นทางสายไหมที่เปิดกว้าง  สร้างเส้นทางสายไหมที่มีความหลากหลาย  สร้างเส้นทางสายไหมแห่งการสร้างนวัตกรรมและเส้นทางสายไหมดิจิทัล

ดร.หวัง เหวินชี้ให้เห็นว่าข้อริเริ่ม”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”ของจีน ไม่เหมือนกับแนวคิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของตะวันตกโดยสิ้นเชิง  จีนไม่ยอมทำตามกระบวนการที่ว่าประเทศเข้มแข็งต้องก่อสงคราม ก็จะไปบีบประเทศอื่น ๆ  ดังนั้น ทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของตะวันตกไม่สามารถอธิบาย”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”ได้  ฉะนั้น เราคงจะต้องเขียนตำราเรียนทฤษฎีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฉบับใหม่แล้ว

ท้ายนี้”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”จะนำมาซึ่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองให้กับชาวโลกมากขึ้น จีนจะสร้างอารยธรรมรูปแบบใหม่ด้วย”หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง”  ช่วงกว่า 40 ปีที่ผ่านมา จีนไม่เคยใช้กองทหารและก่อสงครามไปปล้นประเทศอื่นๆ  แต่ใช้การพัฒนาที่สันติ ส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ โดยผ่านหนทางการพัฒนาที่สันติ  จีนจะเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตและความเจริญของทั่วโลก


  • เสียงข่าวประจำวัน (28-03-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (28-03-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (28-03-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (27-03-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (27-03-2567)