การดื่มชาเป็นวัฒนธรรมที่มีมาช้านานอย่างหนึ่งของจีน ซึ่งมีประวัติอันยาวนาน เป็นยาอายุวัฒนะและดีต่อสุขภาพด้วย แต่แม้ว่ามีผลดีหลายอย่าง ก็ใช่ว่าจะดื่มชาได้ทุกชนิดและดื่มได้ตลอดเวลา ดื่มชาแบบไหนจะเหมาะสมกับสุขภาพที่สุด
ประเทศจีนมีอากาศเปลี่ยนแปลงตาม 4 ฤดูกาล ก็จะมีชาที่เหมาะจะดื่มได้ดีต่อสุขภาพแตกต่างกันไปตามฤดูกาล ในฤดูใบไม้ผลิควรดื่มชาอบดอกไม้ ในฤดูร้อนควรดื่มชาเขียว ฤดูใบไม้ร่วงควรดื่มชาอูหลง ฤดูหนาวควรดื่มชาแดง
ฤดูใบไม้ผลิของจีน ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังผลิบาน ลมฤดูใบไม้ผลิได้นำชีวิตชีวามาแก่ทุกสรรพสิ่ง แต่ด้วยอากาศยังเย็นอยู่อาจจะทำให้ไม่สบาย อ่อนเพลียเล็กน้อยซึ่งเป็นอาการปกติพบได้ทั่วไปในฤดูใบไม้ผลิ การดื่มชาอบดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิจะสามารถช่วยผ่อนคลายความรู้สึกอ่อนเพลียในฤดูใบไม้ผลิเนื่องจากการเปลี่ยนฤดูได้ เพราะว่าชาอบดอกไม้สามารถช่วยถ่ายเทความหนาวออกจากร่างกายไปได้ ช่วยให้มีความสดชื่น แก้ความรู้สึกเพลียๆ ในฤดูใบไม้ผลิได้ดี
สำหรับชาอบดอกไม้เป็นใบชาตากแห้งที่นำไปอบกับดอกไม้ จึงมีคุณลักษณะพิเศษที่ดึงดูดกลิ่นหอมของดอกไม้ ซึ่งชาอบดอกไม้มะลิเป็นที่นิยมที่สุด เพราะว่าดอกมะลิกลิ่นหอมชื่น แต่ก็ไม่แรงมาก
และการดื่มชาอบดอกไม้ต้องเลือกถ้วยที่มีฝา เมื่อชงน้ำเข้าไปแล้วปิดฝาไว้สักพักหนึ่ง จะสามารถเก็บกลิ่นหอมดอกไม้ได้ดี แล้วความร้อนของน้ำควรจะอยู่ที่ประมาณ 90 องศา หลังจากรินน้ำร้อนเข้าไปแล้ว ปิดฝาไว้ 2-3 นาที จะได้ชาอบดอกไม้ที่กลิ่นหอมชื่นใจและรสชาติชุ่มคอ แต่สำหรับในฤดูร้อน ชาที่เหมาะจะเป็นแบบไหน
เมื่อย่างเข้าฤดูร้อน อากาศที่ร้อนจัด มักจะทำให้เหงื่อออกมาก ขาดแคลนน้ำในร่ายกาย ฉะนั้น การดื่มชาเขียวในฤดูนี้จะมีส่วนช่วยทดแทนน้ำในร่างกาย ชาเขียวเป็นชาที่ไม่ผ่านการหมัก มีคุณลักษณะที่เย็น และมีรสขมช่วยแก้ร้อนใน ย่อยอาหาร แก้กระหาย รักษาแผลในช่องปาก และโรคกระเพาะที่อาการไม่รุนแรง นอกจากนี้ ยังมีบทบาทในการลดไขมันในเลือด และป้องกันโรคหัวใจ
ชาเขียวชงแล้วจะมีสีใส มักจะใช้แก้วที่ไม่มีฝา ความร้อนของน้ำที่จะชงชาเขียวนั้นไม่ควรร้อนเกินไป ราว 80 องศาจะดีที่สุด เพราะส่วนใหญ่เป็นใบชาอ่อนที่พึ่งเก็บในช่วงเทศกาลเช็งเม้งจึงไม่ควรใช้น้ำที่ร้อนเกินไป เพราะหากร้อนเกินไป จะทำให้ใบชาเสียรสชาติ และถ้าเป็นแก้วมีฝา จะไม่ดีต่อการระบายความร้อน เมื่อปิดฝา จะทำให้ใบชาแช่จนเสีย ทั้งไม่สวยและไม่อร่อยด้วย
เป็นเคล็ดลับของการดื่มชาที่เหมาะสมที่สุด และถ้าชาในฤดูใบไม้ร่วงจากอากาศร้อนเริ่มเย็นเล็กน้อยจะเป็นชาแบบใด
ในฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เริ่มร่วงโรย อากาศเริ่มแห้ง ง่ายที่จะทำให้ปากแห้ง และริมฝีปากแตก ในเวลานี้เหมาะที่จะดื่มชาอูหลง ชาอูหลงเป็นชาที่ผ่านการหมักครึ่งหนึ่ง อยู่ระหว่างชาเขียวซึ่งเป็นชาไม่ผ่านการหมักและชาแดงซึ่งเป็นชาที่ต้องหมัก นอกจากนี้กลิ่นสดชื่นเหมือนชาเขียว และก็มีรสข้นเหมือนชาแดง มีสรรพคุณที่บำรุงผิวหนัง แก้กระหาย ขจัดความร้อนในร่างกาย ช่วยปรับสมดุลร่างกายให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ
การชงชาอูหลงมักจะใช้กาน้ำชาเซรามิค ถ้าเป็นกาน้ำชาเซรามิคที่เพิ่งซื้อมา เติมน้ำใส่เข้าหม้อ และต้มด้วยชากำหนึ่งเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง จะสามารถขจัดสารเจือปนของกาได้
สำหรับการชงชาอูหลงมักจะใช้น้ำร้อนอุณหภูมิ 100 องศา เพราะความร้อนจะทำให้ชาอูหลงมีสีเข้มข้น และทำให้กลิ่นหอมใบชาเต็มที่ แต่อากาศหลังจากนี้จะหนาวขึ้น ร่างกายจะเริ่มปรับตัวอย่างไร และต้องดื่มชาอะไร
ฤดูหนาวในจีน อากาศหนาวมาก แพยทย์แผนจีนโบราณเห็นว่า เมื่อถึงฤดูหนาว ทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าสู่โหมดเก็บสะสมพลังงาน ร่างกายของมนุษย์ก็จะปรับตัวลดการเผาผลาญที่ไม่จำเป็นเช่นกัน สิ่งที่ควรทำในฤดูหนาวก็คือป้องกันความหนาวเก็บความอุ่น ฉะนั้นการดื่มชาแดงจะเป็นการดีที่สุดในฤดูหนาว ชาแดงเป็นชาที่ผ่านกระบวนการหมัก มีโปรตีนและน้ำตาลสูง นอกจากช่วยป้องกันความหนาวแล้ว หากยังมีส่วนช่วยย่อยอาหาร และแก้เลี่ยนด้วย ซึ่งเหมาะที่จะดื่มในฤดูหนาว
การชงชาแดงมักจะใช้แก้วกระเบื้องเคลือบ และความร้อนของน้ำร้อนที่ใช้ในการชงชาแดงจะอยู่ประมาณ 95 องศา เมื่อเทน้ำเข้าไป ใบชามักจะลอยเหนือผิวน้ำก่อน แล้วค่อยหล่นลงไปกองก้นแก้ว ใบชาจะแผ่ออก
แม้ว่าใบชาจะมีประประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การดื่มชาก็มี 5 อย่างต้องระมัดระวัง หนึ่งก็คือ ไม่ควรดื่มชาที่เข้มข้นมากเกิน เพราะมีสารกระตุ้นทำให้เกิดความรู้สึกตื่นตัวเกินไป จะมีผลต่อระบบบหัวใจและระบบประสาท โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหัวใจจะมีอาการหัวใจเต้นเร็วเกินไปหลังจากดื่มชาที่เข้มข้นแล้ว
ไม่ควรดื่มชาก่อนเข้านอนมีหลายคนดื่มชาก่อนเข้านอนเพราะจะทำให้นอนไม่หลับ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาหลับยากอยู่แล้วนั้นยิ่งต้องหลีกเลี่ยงการดื่มชาก่อนเข้านอน
นอกจากนี้ ขณะรับประทานอาหารก็ไม่ควรดื่มชาให้มาก แต่การดื่มชาก่อนรับประทานอาหารหรือดื่มชานิดหน่อยระหว่างการรับประทานอาหารไม่มีผลกระทบอะไรนัก แต่ถ้าดื่มชาจำนวนมากหรือดื่มชาเข้มข้นเกินไประหว่างการรับประทานอาหาร จะส่งผลกระทบต่อการดูดซึมธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็กและธาตุสังกะสี
ที่สำคัญไม่ควรดื่มชาหลังดื่มเหล้า เพราะว่าตอนที่ดื่มเหล้า แอลกอฮอล์จะเข้าโลหิตผ่านกระเพาะแล้วกลายเป็นกรดแอซิติกผ่านตับ กรดแอซิติกจะแยกเป็นน้ำกับคาร์บอนไดออกไซด์ หากดื่มเหล้าแล้วดื่มชาพร้อมกันอีก ฤทธิ์ด่างในใบชาที่มีหน้าที่ช่วยขับปัสสาวะ ทำให้แอลกอฮอล์เข้าสู่ไตเร็วเกินไปไตจะทำงานหนัก ดังนั้นดื่มเหล้าพร้อมดื่มชาต่อมีความเสี่ยงเป็นโรคไต นอกจากนี้ แอลกอฮอล์จะมีบทบาทกระตุ้นต่อการไหลเวียนโลหิตและชาก็มีบทบาทกระตุ้นการทำงานของหัวใจเช่นกัน ถ้าสองอย่างนี้ดื่มพร้อมกันจะกระตุ้นให้หัวใจต้องทำงานหนักมากเกินไป
สิ่งที่ต้องระวังอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ควรดื่มใบชาใหม่มาก เพราะเมื่อพิจารณาจากโภชนาการ ใบชาใหม่ไปไม่ได้ดีต่อร่างกาย เพราะว่าใบชาใหม่ก็คือใบชาที่เก็บมาไม่ถึง 1 เดือน ใบชาแบบนี้ยังไม่ได้ผ่านการพักไว้เป็นเวลานาน มีสารที่ส่งผลต่อร่างกาย ถ้าดื่มใบชาใหม่เป็นเวลายาวนานอาจท้องเสีย
ประการสุดท้ายคือ ไม่ควรดื่มชากับนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม เพราะด่างในใบชากับสารแทนนิน เมื่อรวมเข้ากับสารแคลเซียมของผลิตภัณฑ์นมจะกลายเป็นเกลือแคลเซียมที่จะถูกขับออกจากร่างกาย ทำให้ไม่ได้รับคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์นมนั่นเอง
ทั้งหมดเหล่านี้จะเป็นความรู้เกี่ยวกับการดื่มชา หวังว่าจะมีส่วนช่วยในการดื่มชาของท่านผู้ฟังที่ชอบดื่มชา เข้าใจการดื่มชาที่เหมาะสมต่อร่างกาย และกลไกของชาที่มีทั้งผลดีหากดื่มเป็น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องดื่มอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากการดื่มชานั่นเอง