ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2023 เป็นต้นมา จีนปรับนโยบายป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 จากโรคติดต่อระดับ A เป็นระดับ B นับเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกหลังจากจีนดำเนินนโยบายป้องกันโควิด-19 โรคติดต่อระดับ A มาแล้ว 3 ปีตั้งแต่ต้นปี 2020

3 ปีที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 พรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาลจีนยืนหยัดความปลอดภัยชีวิตของประชาชนสำคัญสุด กำหนดนโยบายตามหลักวิทยาศาสตร์สอดคล้องกับเวลาและสถานการณ์ ในขณะที่ต่อสู้กับไวรัสที่กลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง จีนยังเน้นการป้องกัน การศึกษาวิจัย การสรุป และการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์อย่างสมเหตุสมผล พร้อมเดินหน้าปรับนโยบายป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง

บ่ายวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา สมาคมการทูตสาธารณะของจีนได้จัดงานสัมมนา โดยนายเหลียง ว่านเหนียน นักวิชาการมหาวิทยาลัยชิงหวา หัวหน้าแผนกผู้เชี่ยวชาญกลุ่มชั้นนำงานด้านการรับมือและจัดการสถานการณ์โควิด-19 แห่งคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างชาติว่า การปรับนโยบายป้องกันโควิด-19 ของจีนไม่ใช่การปล่อยปะละเลย แต่จะเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างตรงจุด มีประสิทธิภาพและมีความเจาะจงมากขึ้น เพื่อความสมดุลระหว่างการป้องกันโควิด-19 และการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม คุ้มครองความปลอดภัยด้านชีวิตและสุขภาพของประชาชน

เขาระบุว่าการปรับนโยบายป้องกันโควิด-19 ของจีนมีเหตุปัจจัย 3 ด้าน ประการแรกวิวัฒนาการของเชื้อโควิด-19 ความสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน และระดับการระบาดของไวรัส ตลอดจนผลที่เกิดจากโรค ประการที่สองระดับภูมิคุ้มกันของประชาชน ความสามารถในการรักษาพยาบาลและศักยภาพการรองรับระบบสาธารณสุข ประการที่สาม มาตรการด้านสาธารณสุขทางสังคม

เวลานี้จะพบว่าภูมิคุ้มกันหมู่ของประชาชนยกระดับมากขึ้น ความสามารถในการรักษาพยาบาลกำลังเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องปรับมาตรการด้านสาธารณสุขให้เหมาะสม ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 เป็นต้นมา จีนปรับแผนการมาโดยตลอด โดยแผนการรักษาพยาบาลออกมาตั้งแต่ฉบับแรกถึงฉบับที่ 10 เป็นกระบวนการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์

(Bo/Cui)