นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ของกัมพูชาเดินทางเยือนจีนระหว่างวันที่ 9-11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เป็นการเยือนจีนในโอกาสครบรอบ 65 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและกัมพูชา โดยนายกฯ ฮุนเซนได้เข้าพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง หารือถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ในหลายด้าน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า ทั้งจีนและกัมพูชาจะร่วมกันพัฒนาใน 6 ด้าน เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือ “เพชร 6 เหลี่ยม” ได้แก่ ด้านการเมือง กำลังการผลิต การเกษตร พลังงาน ความมั่นคง และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ
โดยจีนจะส่งเสริมการพัฒนา "ระเบียงอุตสาหกรรม" สนับสนุนบริษัทจีนให้ลงทุนและทําธุรกิจในกัมพูชามากขึ้น สร้างเขตสาธิตเศรษฐกิจแบบมัลติฟังก์ชั่นในจังหวัดพระสีหนุ และสนับสนุนกัมพูชาในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง นอกจากนี้ จะส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการเกษตรในการสร้าง “เส้นทางข้าวและปลา (Fish and Rice Corridor) ในกัมพูชาด้วย
ด้านพลังงาน จีนและกัมพูชาจะร่วมกันพัฒนาพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจีนจะเพิ่มการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชามากขึ้น
ในด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นควรให้มีการฝึกปฏิบัติการพิเศษเพื่อร่วมกันต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามพรมแดนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้จีนจะยังคงให้ความช่วยเหลือด้านการกวาดล้างทุ่นระเบิดแก่กัมพูชาต่อไป
ในการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ จีนจะให้ความสําคัญกับการเพิ่มเที่ยวบินตรงกับกัมพูชา ส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว การปกป้องและฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรมของกัมพูชา
ขณะที่ นายกฯ ฮุนเซน ของกัมพูชา ก่าวว่า กัมพูชาชื่นชมที่จีนสนับสนุนกัมพูชามาโดยตลอดและเห็นด้วยกับการพัฒนากรอบความร่วมมือ "เพชรหกเหลี่ยม" และความร่วมมือในด้านต่างๆ ร่วมกัน และกัมพูชายินดีที่จะสนับสนุนและต้องการมีส่วนร่วมในโครงการข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ข้อริเริ่มการพัฒนาระดับโลก และข้อริเริ่มด้านความมั่นคงโลกของจีนต่อไป
ในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ของทั้ง 2 ประเทศ จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ในปีค.ศ.2022 ปริมาณการค้ารวมระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 400,000 ล้านบาท ซึ่งสินค้ามากกว่าร้อยละ 97 ที่ส่งออกไปยังจีนได้รับการยกเว้นภาษีตามข้อตกลงการค้าเสรีกัมพูชา-จีน (CCFTA) ที่มีผลบังคับใช้เมื่อต้นปีที่แล้ว นอกจากนี้ ในฐานะสมาชิกของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) หรือ RCEP กัมพูชามีมูลค่าการค้าโดยรวมร้อยละ 60 ของประเทศสมาชิก RCEP ด้วย
ขณะที่จีนได้ลงทุนในเขตเศรษฐกิจที่จังหวัดพระสีหนุของกัมพูชา มีโรงงานจีน 175 แห่ง สร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นมากกว่า 30,000 ตําแหน่ง
การหารือกันของผู้นำทั้งสองประเทศในโอกาสนี้ จึงเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างจีนและกัมพูชา ที่จะมีความร่วมมือในหลายมิติที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาประเทศร่วมกัน เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนของทั้ง 2 ประเทศในอนาคตต่อไป
บทความ : ประวีณมัย บ่ายคล้อย
.