จีนมีประวัติศาสตร์กว่า 5 พันปี วัฒนธรรมอาหารการกินก็มีความเป็นมากว่า 5 พันปีเช่นกัน ความมีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตนนี้ โดยหลักๆ มี 5 ประเด็น หนึ่งคือมีรสชาติหลากหลาย จีนมีคำพูดที่ว่า “ภาคใต้นิยมหมี่ภาคเหนือนิยมเมี่ยน” ก็คือคนในภาคใต้ชอบทานข้าว และคนในภาคเหนือชอบทานพวกเส้น
นอกจากนี้แล้ว ยังมีคำพูดที่ว่า “ภาคใต้นิยมรสหวาน ภาคเหนือนิยมรสเค็ม ภาคตะวันออกนิยมรสเปรี้ยว ภาคตะวันตกนิยมรสเผ็ด” ซึ่งชาวจีนที่อาศัยอยู่ทุกมณฑลจะมีรสนิยมที่แตกต่างกันตามภูมิประเทศ
ในปัจจุบันอาหารจีนจำแนกออกเป็น 8 กลุ่มใหญ่ๆ อันได้แก่ อาหารกวางตุ้ง อาหารซานตง อาหารเสฉวน อาหารหูหนาน อาหารฮกเกี้ยน อาหารเจียงซู อาหารเจ้อเจียง และอาหารอันฮุย โดยอาหารเสฉวนจะมีรสเผ็ด อาหารกวางตุ้งจะมีรสหวาน อาหารซานตงจะมีรสเค็ม อาหารเจียงซูจะมีรสเปรี้ยว แต่ละประเภทจะเน้นรสชาติที่ต่างกันถือเป็นลักษณะพิเศษของตน
เอกลักษณ์พิเศษอย่างที่ 2 ของอาหารจีนคือ มีความแตกต่างกันตามแต่ฤดูในรอบปีของจีน ชาวจีนจะทำกับข้าวตามการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ฤดูร้อนมักจะเป็นอาหารจืด ฤดูหนาวมักจะเป็นอาหารที่มีรสจัดเข้มข้น อันนี้ก็เพราะว่าชาวจีนได้รวบรวมประสบการณ์จากสมัยโบราณพบว่า คนในอากาศที่หนาว ต้องการพลังไปต่อสู้กับความหนาว รสชาติเข้มข้นจะชวนให้เกิดความอยากอาหารทำให้สามารถทานได้มากยิ่งขึ้น จะเป็นผลดีต่อสุขภาพ
ส่วนข้อที่ 3 คือ เน้นความสวยงามของรูปลักษณ์อาหาร ชาวจีนรับประทานอาหารไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญต่อรสชาติเท่านั้น หากยังเน้นความสวยงามของอาหารด้วย ไม่ว่าเป็นแครอทหรือหัวไชเท้า ต่างก็สามารถแกะเป็นรูปต่างๆนานา นอกจากนี้ ยังเน้นการประสานกลมกลืนกันของอาหาร เครื่องปรุงที่จะใส่อาหารและสิ่งแวดล้อมขณะรับประทานอาหารด้วย
อาหารจีนได้รับความนิยมในทั่วโลก เมื่อพิจารณาสาเหตุที่ทำไมจึงเป็นที่นิยมของทั่วโลกนั้น นอกจากรสชาติแล้ว ความสวยงามของอาหารก็เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจ ถือเป็นเนื้อหาพื้นฐานอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารจีน และเป็นเสน่ห์สำคัญของอาหารรจีนด้วย
ความพิเศษประการที่ 4 คือมีความสนุก ชาวจีนชอบตั้งชื่อสนุกๆ ให้กับอาหาร เช่น “มดไต่ต้นไม้” เป็นหมูสับผัดกับวุ้นเส้น “หัวสิงโต” เป็นลูกชิ้นหมูก้อนใหญ่ๆ อาหารเหล่านี้ถ้าดูจากชื่ออย่างเดียวคงคิดไม่ออกว่าเป็นอาหารอะไร การตั้งชื่อแบบนี้ก็เพราะว่าชาวจีนถือว่าการรับประทานอาหารเป็นเรื่องมีความสุข อาหารที่มีชื่อสนุกจะเพิ่มความสุขในการรับประทานอาหารด้วย
นอกจากการตั้งชื่อสนุกน่าสนใจแล้ว ชาวจีนยังนิยมกินอาหารที่ผูกโยงกับความสิริมงคลในวันพิเศษด้วย อาทิ เทศกาลตรุษจีนจะเป็นเทศกาลสำคัญพิเศษสุดสำหรับชาวจีน ฉะนั้น การรับประทานอาหารกับครอบครัวในวันส่งท้ายปีเก่าจะสำคัญยิ่งสำหรับชาวจีน โดยอาหารที่รับประทานในมื้อนี้ จะต้องมีปลา เพื่อให้ “มีเหลือกินเหลือใช้ในทุกปี” เพราะปลาในภาษาจีนจะมีเสียงพ้องกับคำว่า “มีเหลือ” และจะต้องมีไก่ ซึ่งไก่ในภาษาจีนจะมีเสียงพ้องกับคำว่า “สิริมงคล”
ความพิเศษประการสุดท้ายคือถือความพอดีเป็นหลัก เนื่องจากรสชาติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่สรุปว่าอาหารนี้อร่อยหรือไม่ การใส่เกลือไม่มากหรือน้อยไป รสเผ็ดหรือรสหวานดี สำหรับอาหารจีน “ความพอเหมาะพอดี” จะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การใส่เครื่องปรุงให้พอเหมาะจะได้มีรสชาติที่อร่อยพอดี
การกินอาหารสำหรับชาวจีน ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพียง 3 มื้อในแต่ละวันเท่านั้น หากยังได้แสดงให้เห็นถึงประเพณีที่มีมาช้านานของจีน เมื่อมีทารกแรกเกิด ญาติพี่น้องจะกินไข่แดงฉลอง เพราะ “ไข่” เป็นตัวแทนความต่อเนื่องของชีวิต การกินไข่จะแสดงถึงความปรารถนาอันดีที่มีต่อการสืบวงศ์ตระกูลต่อเนื่องกันไป สำหรับชาวจีน เมื่ออายุครบ 1 ปีจะจัดฉลอง พอโตอายุ 18 ปีก็กินเลี้ยง พอแต่งงานก็จัดงานเลี้ยงอีกที และพออายุ 60 ก็จะเลี้ยงฉลองใหญ่
การกินเลี้ยงฉลองแบบนี้ได้แสดงถึงวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของจีน ชาวจีนใช้การกินเป็นสื่ออย่างหนึ่งที่แลกเปลี่ยนความรู้สึกระหว่างกัน เป็นกิจกรรมคบหาสมาคมอย่างหนึ่ง กินไปพลาง คุยกันไปพลาง การรับประทานอาหารด้วยกันของชาวจีน ไม่เพียงแต่เป็นการชุมนุมสังสรรค์กันระหว่างเพื่อนๆ หรือญาติพี่น้องเท่านั้น หากยังเป็นโอกาสที่ทำธุรกิจ แลกเปลี่ยนข้อมูลกระทั่งสัมภาษณ์งานกันด้วย
ชาวจีนมีนิสัยเก็บอารมณ์ความรู้สึกอยู่ในใจ ฉะนั้น การต้อนรับเพื่อนหรือส่งลาเพื่อน ชาวจีนมักจะใช้วิธีการจัดเลี้ยง อารมณ์ดีใจในการต้อนรับหรืออารมณ์เสียใจที่จะต้องลาจากล้วนจะใช้โต๊ะอาหารเป็นสื่อแสดงความรู้สึก
นอกจากนี้ ชาวจีนพิถีพิถันในการจัดโต๊ะอาหาร ซึ่งวัฒนธรรมจีนเน้นพิธีรีตอง การจัดเลี้ยงโต๊ะจีน เจ้าภาพจะนั่งในที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับประตู แขกที่มีความสำคัญสูงสุดจะนั่งในขวามือของเจ้าภาพ แขกที่มีความสำคัญอันดับ 2 จะนั่งในซ้ายมือของเจ้าภาพ ส่วนเจ้าภาพรองจะนั่งอยู่ตรงข้ามกับเจ้าภาพหลัก แล้วแขกที่มีความสำคัญอันดับที่ 3 จะนั่งอยู่ขาวมือของเจ้าภาพรอง แขกที่มีความสำคัญอันดับที่ 4 จะนั่งอยู่ซ้ายมือของเจ้าภาพรอง การจัดลำดับแบบนี้ก็เพราะว่าเมืองจีนถือว่าขวาเป็นหลัก
การเสิร์ฟก็มีพิธีรีตองด้วย อาหารจีนประกอบด้วยอาหารจานเย็น อาหารจานหลัก ขนมหรือของหวาน และผลไม้ อันดับแรกจะเสิร์ฟอาหารจานเย็นก่อน แล้วตามด้วยอาหารจานหลัก ซึ่งจะเป็นหมู ปลา แกงและผักต่างๆ แล้วจึงจะเป็นขนมหรือของหวาน และสุดท้ายจะเสิร์ฟผลไม้ตอนที่แขกทานอิ่มแล้ว
ตอนเสิร์ฟอาหารหลักก็มีข้อกำหนดด้วย โดยจะเสิร์ฟอาหารรสจืดอย่างหนึ่ง อาหารรสจัดอย่างหนึ่ง สลับกัน
นอกจากนี้ จำนวนอาหารที่เสิร์ฟก็พิถีพิถันด้วย จำนวนอาหารของโต๊ะจีนจะต้องเป็นเลขคู่ เพราะคนจีนถือว่าเลขคู่เป็นตัวเลขสิริมงคล ในการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนนั้น ไม่ว่าเป็นอาหารจานเย็นหรืออาหารจานหลัก ล้วนจะต้องเป็นเลขคู่ แล้วอาหารหลักนี้มักจะเป็น 6 อย่างถึง 12 อย่างดูตามจำนวนคน
อย่างไรก็ตาม การที่อาหารจีนจะเป็นที่นิยมในทั่วโลกไม่ว่าชาวตะวันออกหรือชาวตะวันตก สาเหตุสำคัญก็คือความอร่อยแห่งรสชาตินั่นเอง