วัฒนธรรมอาหารการกินของจีน

2023-03-01 15:25:39 | CRI
Share with:

จีนมีประวัติศาสตร์กว่า 5 พันปี  วัฒนธรรมอาหารการกินก็มีความเป็นมากว่า 5 พันปีเช่นกัน  ความมีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตนนี้  โดยหลักๆ มี 5 ประเด็น  หนึ่งคือมีรสชาติหลากหลาย   จีนมีคำพูดที่ว่า “ภาคใต้นิยมหมี่ภาคเหนือนิยมเมี่ยน”  ก็คือคนในภาคใต้ชอบทานข้าว   และคนในภาคเหนือชอบทานพวกเส้น 

นอกจากนี้แล้ว  ยังมีคำพูดที่ว่า “ภาคใต้นิยมรสหวาน ภาคเหนือนิยมรสเค็ม ภาคตะวันออกนิยมรสเปรี้ยว  ภาคตะวันตกนิยมรสเผ็ด”  ซึ่งชาวจีนที่อาศัยอยู่ทุกมณฑลจะมีรสนิยมที่แตกต่างกันตามภูมิประเทศ 

ในปัจจุบันอาหารจีนจำแนกออกเป็น 8 กลุ่มใหญ่ๆ   อันได้แก่  อาหารกวางตุ้ง  อาหารซานตง อาหารเสฉวน  อาหารหูหนาน   อาหารฮกเกี้ยน  อาหารเจียงซู   อาหารเจ้อเจียง  และอาหารอันฮุย   โดยอาหารเสฉวนจะมีรสเผ็ด  อาหารกวางตุ้งจะมีรสหวาน อาหารซานตงจะมีรสเค็ม อาหารเจียงซูจะมีรสเปรี้ยว  แต่ละประเภทจะเน้นรสชาติที่ต่างกันถือเป็นลักษณะพิเศษของตน 

เอกลักษณ์พิเศษอย่างที่ 2 ของอาหารจีนคือ  มีความแตกต่างกันตามแต่ฤดูในรอบปีของจีน  ชาวจีนจะทำกับข้าวตามการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล  ฤดูร้อนมักจะเป็นอาหารจืด  ฤดูหนาวมักจะเป็นอาหารที่มีรสจัดเข้มข้น  อันนี้ก็เพราะว่าชาวจีนได้รวบรวมประสบการณ์จากสมัยโบราณพบว่า    คนในอากาศที่หนาว  ต้องการพลังไปต่อสู้กับความหนาว  รสชาติเข้มข้นจะชวนให้เกิดความอยากอาหารทำให้สามารถทานได้มากยิ่งขึ้น  จะเป็นผลดีต่อสุขภาพ

ส่วนข้อที่ 3 คือ  เน้นความสวยงามของรูปลักษณ์อาหาร  ชาวจีนรับประทานอาหารไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญต่อรสชาติเท่านั้น  หากยังเน้นความสวยงามของอาหารด้วย  ไม่ว่าเป็นแครอทหรือหัวไชเท้า  ต่างก็สามารถแกะเป็นรูปต่างๆนานา  นอกจากนี้ ยังเน้นการประสานกลมกลืนกันของอาหาร  เครื่องปรุงที่จะใส่อาหารและสิ่งแวดล้อมขณะรับประทานอาหารด้วย 

อาหารจีนได้รับความนิยมในทั่วโลก  เมื่อพิจารณาสาเหตุที่ทำไมจึงเป็นที่นิยมของทั่วโลกนั้น นอกจากรสชาติแล้ว  ความสวยงามของอาหารก็เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจ  ถือเป็นเนื้อหาพื้นฐานอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารจีน  และเป็นเสน่ห์สำคัญของอาหารรจีนด้วย 

ความพิเศษประการที่ 4 คือมีความสนุก  ชาวจีนชอบตั้งชื่อสนุกๆ ให้กับอาหาร  เช่น  “มดไต่ต้นไม้”  เป็นหมูสับผัดกับวุ้นเส้น   “หัวสิงโต” เป็นลูกชิ้นหมูก้อนใหญ่ๆ   อาหารเหล่านี้ถ้าดูจากชื่ออย่างเดียวคงคิดไม่ออกว่าเป็นอาหารอะไร  การตั้งชื่อแบบนี้ก็เพราะว่าชาวจีนถือว่าการรับประทานอาหารเป็นเรื่องมีความสุข  อาหารที่มีชื่อสนุกจะเพิ่มความสุขในการรับประทานอาหารด้วย  

นอกจากการตั้งชื่อสนุกน่าสนใจแล้ว  ชาวจีนยังนิยมกินอาหารที่ผูกโยงกับความสิริมงคลในวันพิเศษด้วย อาทิ  เทศกาลตรุษจีนจะเป็นเทศกาลสำคัญพิเศษสุดสำหรับชาวจีน  ฉะนั้น   การรับประทานอาหารกับครอบครัวในวันส่งท้ายปีเก่าจะสำคัญยิ่งสำหรับชาวจีน  โดยอาหารที่รับประทานในมื้อนี้  จะต้องมีปลา  เพื่อให้ “มีเหลือกินเหลือใช้ในทุกปี” เพราะปลาในภาษาจีนจะมีเสียงพ้องกับคำว่า “มีเหลือ”    และจะต้องมีไก่  ซึ่งไก่ในภาษาจีนจะมีเสียงพ้องกับคำว่า  “สิริมงคล”  

ความพิเศษประการสุดท้ายคือถือความพอดีเป็นหลัก  เนื่องจากรสชาติเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่สรุปว่าอาหารนี้อร่อยหรือไม่  การใส่เกลือไม่มากหรือน้อยไป  รสเผ็ดหรือรสหวานดี  สำหรับอาหารจีน “ความพอเหมาะพอดี” จะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด  การใส่เครื่องปรุงให้พอเหมาะจะได้มีรสชาติที่อร่อยพอดี

การกินอาหารสำหรับชาวจีน  ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพียง 3 มื้อในแต่ละวันเท่านั้น  หากยังได้แสดงให้เห็นถึงประเพณีที่มีมาช้านานของจีน  เมื่อมีทารกแรกเกิด  ญาติพี่น้องจะกินไข่แดงฉลอง  เพราะ “ไข่” เป็นตัวแทนความต่อเนื่องของชีวิต  การกินไข่จะแสดงถึงความปรารถนาอันดีที่มีต่อการสืบวงศ์ตระกูลต่อเนื่องกันไป  สำหรับชาวจีน  เมื่ออายุครบ 1 ปีจะจัดฉลอง  พอโตอายุ 18 ปีก็กินเลี้ยง   พอแต่งงานก็จัดงานเลี้ยงอีกที   และพออายุ 60 ก็จะเลี้ยงฉลองใหญ่

การกินเลี้ยงฉลองแบบนี้ได้แสดงถึงวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของจีน  ชาวจีนใช้การกินเป็นสื่ออย่างหนึ่งที่แลกเปลี่ยนความรู้สึกระหว่างกัน  เป็นกิจกรรมคบหาสมาคมอย่างหนึ่ง  กินไปพลาง  คุยกันไปพลาง   การรับประทานอาหารด้วยกันของชาวจีน  ไม่เพียงแต่เป็นการชุมนุมสังสรรค์กันระหว่างเพื่อนๆ หรือญาติพี่น้องเท่านั้น  หากยังเป็นโอกาสที่ทำธุรกิจ  แลกเปลี่ยนข้อมูลกระทั่งสัมภาษณ์งานกันด้วย

ชาวจีนมีนิสัยเก็บอารมณ์ความรู้สึกอยู่ในใจ  ฉะนั้น การต้อนรับเพื่อนหรือส่งลาเพื่อน  ชาวจีนมักจะใช้วิธีการจัดเลี้ยง   อารมณ์ดีใจในการต้อนรับหรืออารมณ์เสียใจที่จะต้องลาจากล้วนจะใช้โต๊ะอาหารเป็นสื่อแสดงความรู้สึก

นอกจากนี้  ชาวจีนพิถีพิถันในการจัดโต๊ะอาหาร  ซึ่งวัฒนธรรมจีนเน้นพิธีรีตอง  การจัดเลี้ยงโต๊ะจีน  เจ้าภาพจะนั่งในที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับประตู  แขกที่มีความสำคัญสูงสุดจะนั่งในขวามือของเจ้าภาพ  แขกที่มีความสำคัญอันดับ 2 จะนั่งในซ้ายมือของเจ้าภาพ   ส่วนเจ้าภาพรองจะนั่งอยู่ตรงข้ามกับเจ้าภาพหลัก  แล้วแขกที่มีความสำคัญอันดับที่ 3 จะนั่งอยู่ขาวมือของเจ้าภาพรอง  แขกที่มีความสำคัญอันดับที่ 4 จะนั่งอยู่ซ้ายมือของเจ้าภาพรอง   การจัดลำดับแบบนี้ก็เพราะว่าเมืองจีนถือว่าขวาเป็นหลัก

การเสิร์ฟก็มีพิธีรีตองด้วย  อาหารจีนประกอบด้วยอาหารจานเย็น  อาหารจานหลัก     ขนมหรือของหวาน และผลไม้   อันดับแรกจะเสิร์ฟอาหารจานเย็นก่อน  แล้วตามด้วยอาหารจานหลัก  ซึ่งจะเป็นหมู ปลา แกงและผักต่างๆ  แล้วจึงจะเป็นขนมหรือของหวาน  และสุดท้ายจะเสิร์ฟผลไม้ตอนที่แขกทานอิ่มแล้ว

ตอนเสิร์ฟอาหารหลักก็มีข้อกำหนดด้วย  โดยจะเสิร์ฟอาหารรสจืดอย่างหนึ่ง  อาหารรสจัดอย่างหนึ่ง   สลับกัน

นอกจากนี้ จำนวนอาหารที่เสิร์ฟก็พิถีพิถันด้วย จำนวนอาหารของโต๊ะจีนจะต้องเป็นเลขคู่  เพราะคนจีนถือว่าเลขคู่เป็นตัวเลขสิริมงคล     ในการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนนั้น  ไม่ว่าเป็นอาหารจานเย็นหรืออาหารจานหลัก  ล้วนจะต้องเป็นเลขคู่    แล้วอาหารหลักนี้มักจะเป็น 6 อย่างถึง 12 อย่างดูตามจำนวนคน

อย่างไรก็ตาม  การที่อาหารจีนจะเป็นที่นิยมในทั่วโลกไม่ว่าชาวตะวันออกหรือชาวตะวันตก  สาเหตุสำคัญก็คือความอร่อยแห่งรสชาตินั่นเอง

 

  • เสียงข่าวประจำวัน (26-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (26-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (26-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (25-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (25-11-2567)