เมืองอี้อูตั้งอยู่ในภาคกลางของมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน มีพื้นที่ประมาณ 1,100 ตารางกิโลเมตร มีประชากรถาวรประมาณ 1.86 ล้านคน
ปี 2022 เป็นวาระครบรอบ 40 ปีของการพัฒนาตลาดอี้อู วันที่ 5 กันยายนปี 1982 ตลาดจำหน่ายสินค้าขนาดย่อม (Bitty Commodity) รุ่นแรกในเมืองอี้อู ซึ่งจัดตั้งขึ้นอย่างเรียบง่ายข้างถนน เปิดดำเนินการอย่างเงียบ ๆ หลังผ่านการพัฒนามาเป็นเวลา 40 ปีได้กลายเป็นตลาดขายส่งสินค้าขนาดย่อมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จนได้รับการยกย่องว่าได้สร้าง “ตำนานการค้าระหว่างประเทศ”
วันที่ 25 พฤศจิกายนปี 2022 งานฉลองครบรอบ 40 ปีแห่งการพัฒนาตลาดอี้อูและการประชุมชาวอี้อูทั่วโลกประจำปี 2022 ได้จัดขึ้นที่เมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียงอย่างยิ่งใหญ่
หวัง เจี้ยน เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองอี้อูกล่าวว่าช่วง 40 ปีที่ผ่านมา เมืองอี้อูยืนหยัดยุทธศาสตร์การพัฒนาอันได้แก่ "พัฒนาเมืองผ่านการกระตุ้นการค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง" ที่นี่เคยเปลี่ยนทำเลที่ตั้งของตลาดอี้อู 5 ครั้ง ทำการขยายพื้นที่ตลาด 10 ครั้ง สามารถทำให้ตลาดอี้อูเติบโตและเข้มแข็งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนบรรลุการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่จากตลาดริมถนนซึ่งไร้คนรู้จักสู่ “ซุปเปอร์มาร์เก็ตโลก” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในและต่างประเทศ
หวัง เจี้ยน เน้นย้ำถึงความสำคัญของตลาดอี้อูว่า “ตลาดอี้อูเจริญเมืองอี้อูก็เจริญ การรักษาความเจริญรุ่งเรืองของตลาดอี้อูถือเป็นสิ่งที่ต้องทำชั่วนิรันดร์ของเมืองอี้อู”
วาดพิมพ์เขียว "พัฒนาเมืองผ่านการกระตุ้นการค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง" จาก "ตลาดริมถนน"
นับถึงปลายปี 2021 ตลาดขายส่งอี้อูมีพื้นที่ประกอบการ 6.4 ล้านตารางเมตร 75,000 บูธ มูลค่าการซื้อขายต่อปี 186,679 ล้านหยวน คงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าแรกเริ่มเดิมทีนั้นตลาดขนาดใหญ่แห่งนี้เป็นเพียงแผงขายของเล็กๆ ริมถนน โดยเมื่อวันที่ 5 กันยายนปี 1982 รัฐบาลอำเภออี้อูใช้แผ่นซีเมนต์บอร์ดในการตั้งแผงลอยง่ายๆ สองแถว กลายเป็นตลาดริมถนนซึ่งถือเป็นตลาดค้าขายรุ่นแรกของเมืองอี้อู
ในความทรงจำของเซี่ย เกาหวา เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำอำเภออี้อูในขณะนั้น การจัดตั้งตลาดรุ่นแรกนั้นแยกไม่ออกจาก "การช่วงชิง" ของบรรดาพ่อค้าแม่ขายชาวอี้อู
ฤดูใบไม้ผลิปี 1982 แม่ค้าเหอ ไห่เหมย กำลังขายถุงเท้าไนลอนข้างถนนเพื่อหารายได้เสริมมาเป็นค่าอาหารและเสื้อผ้าของครอบครัว แต่จู่ๆ ถูกเจ้าหน้าที่จาก "สำนักงานปราบปรามการซื้อขายเพื่อเก็งกำไร" จับ หาเงินไม่ได้ไม่พอ แถมยังถูกยึดของไปด้วย เหอ ไห่เหมยซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักบังเอิญเห็นเซี่ย เกาหวาเดินผ่านไป จึงเดินเข้าไปร้องทุกข์กับเขาว่า "ทำไมจึงไม่ให้พวกเราทำมาค้าขาย?"
เพียงไม่กี่วันเหตุการณ์ทำนองเดียวกันก็ได้เกิดขึ้นกับแม่ค้าเฝิง ไอ้เชี่ยน และเธอก็ได้ร้องเรียนกับเซี่ย เกาหวาด้วยคำถามเดียวกันกับแม่ค้าเหอ ไห่เหมย
การร้องทุกข์บนท้องถนนติดต่อกันสองครั้งนี้ทำให้เซี่ย เกาหวาเริ่มให้ความสำคัญและฉุกคิดขึ้นมาว่า ทำไมชาวบ้านจะทำการค้าขายจึงกลายเป็นเรื่องยากขนาดนี้ เมื่อประเทศจีนกำลังดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศ การทำมาค้าขายหรือการประกอบธุรกิจอื่นๆ น่าจะสอดคล้องกับความต้องการของรัฐบาลและประเทศชาติไม่ใช่หรือ ทำไมยังคงต้องใช้มาตรการห้ามปรามเหมือนในอดีตที่ผ่านมา?
หลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลอำเภออี้อูได้เรียกประชุมครั้งใหญ่ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐจากทั่วทั้งอำเภอและพ่อค้าแม่ขายหลายร้อยคนเข้าร่วม เซี่ย เกาหวากล่าวในที่ประชุมว่า ควรชี้แนะเกษตรกรให้เข้ามาทำการค้าขายในเมือง เราเป็นผู้รับใช้ประชาชน ขอเพียงพวกเขาสร้างความร่ำรวยจากการขยันทำงาน พวกเขาก็ควรจะทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ
วันที่ 5 กันยายน 1982 ตลาดสินค้าขนาดย่อมหูชิงเหมิน ตำบลโฉวเฉิง ซึ่งถือเป็นตลาดริมถนนรุ่นแรกในอำเภออี้อูได้สร้างขึ้น เหอ ไห่เหมยและเฝิง ไอ้เชี่ยนต่างก็ได้กลายเป็นแม่ค้ากลุ่มแรกในตลาด
เดือนตุลาคมปี 1984 แนวคิด "พัฒนาอำเภอผ่านการกระตุ้นการค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง "ถูกเสนอขึ้นเป็นครั้งแรก (ต่อมาเปลี่ยนเป็น "พัฒนาเมืองผ่านการกระตุ้นการค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง") เซี่ย เกาหวากล่าวในที่ประชุมเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำตำบลทั่วทั้งอำเภออี้อูว่า ต้อง "มุ่งเน้นการค้า หลอมรวมการค้า อุตสาหกรรมและการเกษตรเข้าด้วยกัน บูรณาการเขตเมืองและชนบท พัฒนาอำเภอผ่านการกระตุ้นการค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง" การวาดพิมพ์เขียวแห่งการปฏิรูปในอนาคตครั้งนี้ ทำให้ตลาดอี้อูได้รับการพัฒนาแบบก้าวกระโดดในเวลาต่อมา
BO/LU