ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในการรับมือกับภาวะวิกฤต เขามีประสบการณ์ ความกล้าหาญ และความแน่วแน่ในการรับมือกับการทดสอบและความท้าทายที่จีนกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เขาไม่เคยท้อถอยแม้แต่น้อย
ช่วงที่ทำงานในมณฑลฝูเจี้ยน มณฑลเจ้อเจียง และนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน สี จิ้นผิง นำประชาชนในท้องถิ่นรับมือกับพายุไต้ฝุ่นรุนแรงหลายลูก ช่วงที่รับมือกับภัยธรรมชาติดังกล่าว เขาทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน เพื่อดูแลและอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย และพยายามลดจำนวนผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต ตลอดจนความเสียหายทางเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด
หลังเข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดี สี จิ้นผิง รับผิดชอบภารกิจดูแลการเตรียมการสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่กรุงปักกิ่งปี 2008 การปฏิบัติภารกิจในช่วงเวลานั้น ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลหลายอย่าง เพราะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและไม่พึงประสงค์หลายเรื่อง เช่น เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่เมืองเวิ่นชวน มณฑลเสฉวน และการจลาจลในเมืองลาซา ของเขตปกครองตนเองทิเบต ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน แต่สุดท้าย การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่กรุงปักกิ่งปี 2008 ก็ได้ประสบความสำเร็จ และได้รับคำชื่นชมจากชาวโลกว่า เป็นหนึ่งในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เกือบ 14 ปีต่อมา ภายใต้การนำของสี จิ้นผิง จีนได้จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เรียบง่าย ปลอดภัย และงดงามให้กับโลก แม้จะมีโควิด-19 และสิ่งที่เรียกว่า "การคว่ำบาตรทางการทูต" โดยประเทศตะวันตกบางประเทศก็ตาม
สี จิ้นผิง กล่าวว่า “จีนในยุคใหม่ต้องเผชิญกับความท้าทายและปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากขึ้น จีนต้องเตรียมความพร้อม เพื่อดำเนินการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่กับองค์ประกอบใหม่ๆทางประวัติศาสตร์มากมาย” ช่วงที่รับผิดชอบดูแลการร่างรายงานต่อการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 สี จิ้นผิง ย้ำว่า ต้องรวมถ้อยแถลงดังกล่าวอยู่ในรายงานด้วย
สี จิ้นผิง ย้ำตลอดว่า การฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีนนั้นไม่ใช่ภารกิจง่าย ไม่ใช่ทำแค่ตีกลองตีฆ้องก็จะสามารถบรรลุได้ การบรรลุถึงความฝันอันยิ่งใหญ่นี้ต้องการการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ ความเสี่ยงและการทดสอบที่เราต้องเผชิญในทางข้างหน้ามีแต่จะยิ่งสลับซับซ้อนมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เราต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความเสี่ยงและความยากลำบากต่างๆ ที่ไม่อาจคาดคิดได้
ปี 2015 เมื่อประเทศเยเมนตกอยู่ในภาวะโกลาหล สี จิ้นผิง สั่งให้กองทัพเรือจีน อพยพชาวจีนหลายร้อยคนออกจากเยเมนทันที ต่อมา เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการผลิตภาพยนตร์จีน “Operation Red Sea” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ปลุกจิตสำนึกความรักชาติของชาวจีน และสร้างสถิติใหม่ในการทำรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ นอกจากนี้ ในปี 2015 สี จิ้นผิงได้สั่งการให้ใช้มาตรการหลายประการ เพื่อจัดการกับความผันผวนของตลาดหุ้นจีน ทำให้จีนสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเชิงระบบทางด้านการเงินได้
ในการรับมือกับสถานการณ์ที่ล่อแหลมในฮ่องกง สี จิ้นผิง เป็นผู้ชี้นำให้ใช้มาตรการต่างๆ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่ฮ่องกง และการปรับปรุงระบบการเลือกตั้งของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อสร้างหลักประกันว่า รัฐบาลกลางมีอำนาจการปกครองโดยรวมเหนือฮ่องกง และฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองบริหารของผู้รักชาติ ทำให้ฮ่องกงได้กลับคืนสู่สภาพที่มีความสงบเรียบร้อย สี จิ้นผิง กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลใดที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” เพราะเป็นนโยบายที่ดี จึงต้องยึดมั่นนโยบายนี้ในระยะยาว
สี จิ้นผิง พบกับหม่า อิงจิ่ว ผู้นำทางการไต้หวันที่สิงคโปร์ ในปี 2015 นับเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างผู้นำทั้งสองฝั่งช่องแคบไต้หวันตั้งแต่ปี 1949 เป็นต้นมา แต่หลังจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าเข้ามามีอำนาจในไต้หวันในปี 2016 ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันย่ำแย่ลง
สี จิ้นผิง ได้เสนอมาตรการต่างๆ รวมถึงวิธีการแก้ไขปัญหาไต้หวันด้วย “สองระบบ” เพื่อชี้แนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน และย้ำว่า เราจะทำงานด้วยความจริงใจและความพยายามสูงสุด เพื่อรวมจีนเข้าเป็นเอกภาพอย่างสันติ แต่จะไม่รับปากว่า จะละทิ้งการใช้กำลังอาวุธ เราขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินมาตรการที่จำเป็นทุกอย่าง
เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2022 นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ ไม่คำนึงถึงคำเตือนที่เคร่งครัดของจีน เดินหน้าเยือนไต้หวัน ทำให้เกิดความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน กองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้ดำเนินการฝึกซ้อมร่วมรอบๆเกาะไต้หวันในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อตักเตือนกลุ่มอิทธิพลแบ่งแยกดินแดนในไต้หวัน และบางประเทศที่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของจีน ปัจจุบัน หลักการจีนเดียวได้กลายเป็นฉันทามติของประชาคมระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง
สี จิ้นผิง มักจะทำงานจนดึกดื่น เขาเคยเปิดเผยประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่นอนไม่หลับทั้งคืน คือ วันที่ 24 มกราคม ปี 2020 เป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของชาวจีน แต่เมืองอู่ฮั่น ทางตอนกลางของจีนกลับต้องมาเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดดังกล่าวทำให้สี จิ้นผิง นอนไม่หลับทั้งคืน วันรุ่งขึ้น เขาเรียกประชุมกรรมการประจำกรมการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคฯ เพื่อหารือในแนวทางรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ก่อนการประชุมครั้งนี้ สี จิ้นผิง แนะให้จำกัดการเคลื่อนย้ายของผู้คนและปิดช่องทางเข้าออกมณฑลหูเป่ย และเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ปี 2020 สี จิ้นผิง เดินทางไปเยือนเมืองอู่ฮั่น เพื่อตรวจงานป้องกันและควบคุมโควิด-19 ระหว่างปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ เขาได้พูดคุยและให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยผ่านระบบทางไกลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งก่อสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะ
สี จิ้นผิงเปรียบการต่อสู้กับโควิด-19 เป็นการทำสงครามครั้งหนึ่ง ต้องมีความอดทนและใช้ความพยายามสูงสุด จึงสามารถเอาชนะเชื้อโรคได้ ภายใต้การนำของเขา จีนกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19ได้ และเริ่มฟื้นฟูการทำงานและการผลิต หลังควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ยได้แล้ว จีนได้ดำเนินนโยบายโควิดเป็นศูนย์แบบไดนามิก ทำให้อัตราการติดเชื้อและการเสียชีวิตจากโควิด-19 อยู่ในระดับที่ต่ำมาก สี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนมีประชากรจำนวนมหาศาล หากจีนใช้นโยบายป้องกันและควบคุมโควิดแบบที่เรียกว่า “ปล่อยมือ” ผลลัพธ์ที่จะตามมาจะเป็นสิ่งที่คาดคิดได้ยาก เรายอมเสียสละผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นการชั่วคราว ดีกว่าต้องให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และเด็กไปเสี่ยงกับภัยอันตราย เมื่อพิจารณาจากผลกระทบในทุกด้านแล้ว มาตรการของเราในการรับมือกับโควิด-19 ถือว่ามีต้นทุนต่ำสุด และมีประสิทธิภาพสูงสุด
(yim/cai)