เมื่อปี ค.ศ.2013 นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตลูกจ้างสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เปิดโปงเรื่องสหรัฐอเมริกา สอดแนมอีเมลและการสื่อสารทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้นำต่างชาติมากถึง 35 คน ล่าสุด เกิดเหตุการณ์เอกสารของเพนตากอนหลุดออกมา เหตุการณ์เหล่านี้ย้ำเตือนชาวโลกอีกครั้งว่า เครือข่ายสอดแนมของสหรัฐอเมริกาไม่ได้เจาะจงเพียงศัตรูเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศพันธมิตรด้วย เช่น ยูเครน เกาหลีใต้ และอิสราเอล
เหตุการณ์เอกสารของเพนตากอนหลุดออกมา สร้างความไม่พอใจยิ่งในหมู่ประเทศพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา และทำให้สหรัฐอเมริกาอับอายขายหน้า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง หรือความมั่นคง สหรัฐอเมริกาไม่เคยลังเลที่จะดึงผลประโยชน์สูงสุดให้กับตนเอง โดยแลกกับความเสียหายของประเทศอื่น รวมถึงพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ สหรัฐอเมริกาได้ทำลายข้อตกลงเรือดำน้ำมูลค่า 66,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ฝรั่งเศสทำกับออสเตรเลีย ได้แย่งซื้อเวชภัณฑ์ที่ประเทศยุโรปจำเป็นเร่งด่วนในช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของโควิด ตลอดจนมีการผ่านกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อที่เป็นภัยคุกคามทางการค้าต่อยุโรป
ไม่น่าแปลกใจที่โดนัลด์ ทัสก์ อดีตประธานสภายุโรปเคยกล่าวไว้ว่า “มีเพื่อนแบบสหรัฐอเมริกา ใครยังต้องการศัตรูอีก”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สหรัฐอเมริกายังคงเติมเชื้อเพลิงให้กับความขัดแย้งในยูเครน โดยลากประเทศในยุโรปเข้าสู่การต่อสู้ และสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อความมั่นคงของยุโรป
ที่ตะวันออกกลาง เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน อัล ซาอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย ตรัสเมื่อเร็วๆ นี้ว่า พระองค์พร้อมที่จะแสวงหาผลประโยชน์ของซาอุดิอาระเบียโดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ รวมถึงจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิหร่าน ซึ่งเป็นศัตรูของสหรัฐอเมริกา
ทำไมประเทศพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาถึงไม่สนิทกับสหรัฐอเมริกาเช่นเคย และเหตุใดประเทศพันธมิตรจึงขัดแย้งกับสหรัฐอเมริกามากขึ้นเรื่อยๆ
เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นเพราะแนวปฏิบัติที่วางตนเป็นเจ้าโลกและความคิดแบบต้องมีฝ่ายแพ้ฝ่ายชนะของสหรัฐอเมริกา ที่ได้ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าและความแตกแยกในประชาคมระหว่างประเทศ และสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อผลประโยชน์การพัฒนาของพันธมิตรและประเทศอื่นๆ
โดยพื้นฐานแล้ว สหรัฐอเมริกาตั้งระบบพันธมิตรเพื่อปกครองโลก และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากทั่วโลก ปัจจุบัน หลายประเทศพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาตระหนักแล้วว่า การเดินตามหลังสหรัฐอเมริกา อย่างปิดหูปิดตา รังแต่จะนำไปสู่ความสูญเสียในที่สุด
สหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้พันธมิตรปฏิบัติตามมาตรการยับยั้งการพัฒนาของจีน แต่พันธมิตรส่วนใหญ่ไม่ยอมปฏิบัติตามความต้องการของสหรัฐอเมริกา ตามรายงานของสำนักข่าวโพลิติโก (Politico) ของสหรัฐอเมริกา ในแง่ของการโดดเดี่ยวจีนทางเศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวใดๆ ก็ตามที่ยุโรปทำลงไปอาจไม่สอดคล้องกับความต้องการของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐอเมริกา
สำนักข่าวโพลิติโกอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกา ที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อว่า “ผู้นำของประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปกล่าวอย่างเปิดเผยว่า พวกเขาไม่สนใจประเด็นแยกจากเศรษฐกิจจีน และยุโรปไม่ต้องการคว่ำบาตรจีนในกรณีที่เกิดความขัดแย้ง”
ขณะนี้ สถานการณ์ระหว่างประเทศกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับความท้าทายมากมายด้านเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตของประชาชน ความทะเยอทะยานในการเป็นเจ้าโลกของสหรัฐอเมริกาเริ่มอ่อนลง และสิ่งที่เรียกว่า “คำมั่นสัญญา” ของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อพันธมิตรก็คงยากที่จะปรากฏเป็นจริงขึ้นได้ ปัจจุบัน แม้ว่าระบบพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาจะยังคงมีอยู่ แต่โครงสร้างภายในเริ่มร้าวหนัก
(IN/cai)